ยาน เดอ บอนต์ (Jan de Bont) ผู้กำกับ ‘Twister’ (1996) ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ ComicBook.com โดยเขาได้พูดตรง ๆ เกี่ยวกับการสร้าง ‘Twisters’ ซึ่งเป็นภาคต่อจากภาพยนตร์ต้นฉบับของเขาว่า “ควรสร้างตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว”

เขาได้แสดงความคิดเห็นว่าถ้าหากสร้างก่อนหน้านี้จะยังสามารถนำวิชวลเอฟเฟกต์มาผสมผสานกับเอฟเฟกต์พิเศษได้ และอยากให้ ‘Twisters’ เป็นภาคต่ออย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การรีเมก

ผมคิดว่ามันสร้างช้าไปสักหน่อย ควรจะสร้างตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เพราะในตอนนั้นคุณยังมีโอกาสนำวิชวลเอฟเฟกต์มาผสมผสานเข้ากับเอฟเฟกต์พิเศษ แต่ในยุคนี้ผมมั่นใจว่าจะเป็นการใช้วิชวลเอฟเฟกต์เสียมากกว่า ซึ่งมันส่งผลต่อทุนสร้างโดยตรง ภาพยนตร์ในยุคก่อนนั้นมีความแตกต่างจากยุคนี้เป็นอย่างมาก ผมคิดว่าภาพยนตร์ของผมนั้นรีเมกยากมากจริง ๆ และทำไมคุณจะต้องรีเมกมันด้วยล่ะ คุณจะพัฒนาด้านไหนเพิ่มเติม บางครั้งคุณควรจะปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้น หรือสร้างภาคต่อจริง ๆ ที่เล่าเรื่องต่อเนื่องไปเลย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเนื้อเรื่องออกไปจากเดิม…ไม่รู้สินะ ผมสงสัยว่าพวกเขาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาอย่างไร

‘Twister’ ของผู้กำกับเดอ บอนต์ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์หายนะระทึกขวัญที่แฟน ๆ ชื่นชอบมากที่สุด เล่าเรื่องของกลุ่มนักล่าพายุที่ต้องการปล่อยเซนเซอร์จำนวนมากเข้าสู่ใจกลางทอร์นาโดเพื่อศึกษาการเคลื่อนที่ของมหันตภัยร้ายนี้ โดยตัวภาพยนตร์ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 495.7 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 92 ล้านเหรียญ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาวิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม

Twisters

สำหรับ ‘Twisters’ ที่เป็นภาคต่อนั้น เล่าเรื่องของ เคท (รับบทโดย เดซี เอ็ดการ์-โจนส์; Daisy Edgar-Jones) ลูกสาวของ ดร. โจ ฮาร์ดิง (รับบทโดย เฮเลน ฮันต์; Helen Hunt) จากภาพยนตร์ต้นฉบับ ที่พยายามขยายงานวิจัยของแม่ให้ไปไกลยิ่งขึ้น หลังผ่านประสบการณ์เลวร้ายจากทอร์นาโด ร่วมแสดงโดย เกลน โพเวล (Glen Powell) และแอนโธนี รามอส (Anthony Ramos) จากฝีมือกำกับของ ลี ไอแซก ชุง (Lee Isaac Chung) จาก ‘Minari’ (2020)

จากคำให้สัมภาษณ์ข้างต้นนั้น ดูเหมือนว่าเดอ บอนต์ จะมีความกังวลต่อการเล่าเรื่องของ ‘Twisters’ ที่อาจไม่ไปไกลกว่าเดิม และไม่ต้องการให้แฟน ๆ (อาจรวมถึงตัวเขาเองด้วย) ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ต้นฉบับ ต้องพบกับภาคต่อที่สร้างไม่สุดสักทาง

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากที่ผู้สร้างภาพยนตร์ในยุคนี้มีความใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น และสามารถสร้างภาคต่อที่ประสบความสำเร็จสูงกว่าต้นฉบับได้หลายเรื่อง ยกตัวอย่าง ‘Top Gun: Maverick’ (2022) ที่ได้รับคะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ถึง 96% และทำรายได้ทั่วโลกไปเกือบ 1,500 ล้านเหรียญ

หรือ ‘Blade Runner 2049’ (2017) ของเดอนีส วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) ที่อาจไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ (ทำไปเพียง 270 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญ) แต่ได้รับคำชื่นชมไม่แพ้ภาคแรกเมื่อปี 1982 ของริดลีย์ สกอตต์ (Ridley Scott) เป็นต้น ก็ทำให้ ‘Twisters’ มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จด้านรายได้เทียบเท่าหรือสูงกว่า ‘Twister’ ได้เช่นกัน