จอน แลนเดา (Jon Landau) โปรดิวเซอร์คู่บญของผู้กำกับวิสัยทัศน์ล้ำหน้า เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์หลายเรื่องที่ติดอันดับทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล ทั้ง ‘Titanic’ (1997) แฟรนไชส์ ‘Avatar’ รวมทั้งหนังไซไฟ ‘Alita: Battle Angel’ (2019) เสียชีวิตแล้วในวัย 63 ปี ที่บ้านพักในลอสแองเจลิส เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งมายาวนานกว่า 16 เดือน
ทีนา แลนเดา (Tina Landau) น้องสาวของจอน ได้ประกาศยืนยันการจากไปของพี่ชายของเธอผ่านทาง X “พี่ชายที่ดีที่สุดเท่าที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะใฝ่ฝันถึง จอน พี่ชายของฉันได้จากไปแล้ว หัวใจของฉันแตกสลาย แต่ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ และความซาบซึ้งที่มีต่อชีวิตที่พิเศษที่สุดของเขา ตลอดจนความรักและสิ่งที่เขามอบให้กับฉัน และทุกคนที่รู้จักเขา หรือภาพยนตร์ของเขา”
จอน แลนเดา เกิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ปี 1960 ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกชายของ อีไล แลนเดา (Ely Landau) และ อีดิธ แลนเดา (Edythe Landau) ผู้ทำงานอยู่ในแวดวงฮอลลีวูดด้วยการเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านภาพยนตร์จาก USC School Of Cinematic Arts ในปี 1983 แลนเดาเริ่มต้นเข้าสู่แวดวงภาพยนตร์ด้วยการเป็นผู้ช่วยฝ่ายผลิตฉาก และจัดเก็บเอกสาร ก่อนจะขึ้นมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายโปรดักชันให้กับหนังเรื่อง ‘Beat Street’ (1984) และ ‘Key Exchange’ (1985)
แลนเดาได้ก้าวขึ้นมานั่งตำแหน่งโปรดิวเซอร์ครั้งแรกในหนังตลก ‘Campus Man’ (1987) และทำหน้าที่เป็น Co-Producer ให้กับหนังของ Disney ทั้ง ‘Honey, I Shrunk the Kids’ (1989) และ ‘Dick Tracy’ (1990) ก่อนที่เขาได้รับตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายการผลิตภาพยนตร์ของ 20th Century Fox ในวัย 29 ปี แลนเดามีส่วนในการดูแลโปรเจกต์ภาพยนตร์ดัง ๆ มากมาย อาทิ แฟรนไชส์ ‘Home Alone’, ‘Die Hard 2’ (1990), ‘Mrs. Doubtfire’ (1993), ‘Speed’ (1994) ฯลฯ
แลนเดาได้ร่วมทำงานกับคาเมรอนครั้งแรกในฐานะ Executive Producer หนังแอ็กชันคอมมีดี้ ‘True Lies’ (1994) ที่มี อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) และ เจมี ลี เคอร์ติส (Jamie Lee Curtis) แสดงนำ
หลังจากที่แลนเดาออกจากตำแหน่งใน 20th Century Fox คาเมรอนได้มอบบทภาพยนตร์เรื่องต่อไปของเขาที่ยังใช้ชื่อโปรเจกต์ว่า ‘Planet Ice’ ให้แลนเดาอ่าน ก่อนจะชักชวนให้เขามาทำงานในฐานะโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์โรแมนติกฟอร์มยักษ์ ‘Titanic’ ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งรายได้ และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ 11 รางวัล รวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ที่ทำให้เขาและคาเมรอนมีเครดิตได้รับรางวัลนี้ร่วมกัน
นอกจากนี้ แลนเดายังได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท Lightstorm Entertainment สตูดิโอผลิตภาพยนตร์ที่ก่อตั้งโดยคาเมรอน ผู้ผลิตภาพยนตร์ ‘Avatar’ และ ‘Alita: Battle Angel’ รวมทั้งยังเป็นผู้วางรากฐานและต่อยอดแฟรนไชส์ ‘Avatar’ ทั้งการต่อยอดไปสู่ในรูปแบบเกม ‘AVATAR: Frontiers of Pandora’ ที่ผลิตโดยบริษัท Ubisoft และ ‘Avatar: Reckoning’ ร่วมกับบริษัท Tencent Games รวมทั้งในรูปแบบหนังสือร่วมกับ Penguin Random House และ Dark Horse Comics
แลนเดาได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอาชีพโปรดิวเซอร์ของเขากับเว็บไซต์ The Talks ในปี 2022 ว่า “ผมไม่สามารถนั่งที่โต๊ะ แล้วเอาแต่นั่งเซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆ มันไม่ได้หมายถึงแค่ในฐานะโปรดิวเซอร์ แต่หมายถึงทั้งชีวิต ผมเองอยากมีส่วนร่วม อยากเป็นกระบอกเสียง ผมอยากมีพลังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนก้าวข้ามศักยภาพของตัวเขาเอง เพื่อให้พวกเขาได้ภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาได้ทำ สำหรับผมนี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผมไม่อยากมีชีวิตแค่เป็นคนที่นั่งอยู่กับโต๊ะเฉย ๆ “
คาเมรอน ได้กล่าวถ้อยคำอาลัยแก่แลนเดา ผู้ทำงานเคียงคู่กับเขามาอย่างใกล้ชิดและยาวนานกว่า 30 ปี โดยเฉพาะโปรเจกต์ ‘Avatar’ ที่นับเป็นโปรเจกต์สำคัญที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
“ครอบครัว Avatar ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียเพื่อนและผู้นำของเรา จอน แลนเดา ความมีอารมณ์ขันอันแปลกประหลาด เสน่ห์เฉพาะตัว ความมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ และความหนักแน่นของเขาคือศูนย์กลางจักรวาล Avatar ของเรามาเกือบ 2 ทศวรรษ”
“มรดกของเขาไม่ได้มีแค่ภาพยนตร์ที่เขาสร้างเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเป็นแบบอย่างที่เขาสร้างเอาไว้ด้วย ทั้งความไม่ย่อท้อ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ความห่วงใย ใส่ใจ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และการมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร เขาสร้างภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจ แต่ด้วยการส่งต่อความสุขและความอบอุ่นในการสร้างภาพยนตร์ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนทำสิ่งที่ดีที่สุดของเราในทุก ๆ วัน”
“ผมได้สูญเสียเพื่อนรักของผม และเพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุดในรอบ 31 ปี ส่วนหนึ่งของตัวผมได้ถูกพรากไปแล้ว”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา แลนเดาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในหนังหลายเรื่องของคาเมรอน รวมทั้งหนังฟอร์มยักษ์ที่ขึ้นไปติดอยู่ใน 4 อันดับแรกของหนังที่ทำรายได้ Box Office สูงที่สุดตลอดกาลด้วย นับตั้งแต่ ‘Titanic’ ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุหลัก 1,000 ล้านเหรียญ ก่อนจะสามารถทำลายสถิติของตัวเองจากหนัง ‘Avatar’ (2009) ที่ขึ้นแท่นเป็นหนังที่ทำรายได้สูงที่สุดอันดับ 1 ด้วยตัวเลข 2,923 ล้านเหรียญ ก่อนจะสานต่อความสำเร็จอย่างงดงามด้วย ‘Avatar: The Way of Water’ (2022) ที่ทำรายได้ติดอันดับที่ 3 ด้วยตัวเลขรายได้ 2,320 ล้านเหรียญ
ก่อนเสียชีวิต แลนเดายังคงทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ที่มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งการเป็นโปรดิวเซอร์ภาคต่อ ‘Avatar’ อีก 3 ภาคที่เหลือ โดย ‘Avatar 3’ มีกำหนดเข้าฉายในเดือนธันวาคม ปี 2025 ‘Avatar 4’ มีกำหนดเข้าฉายในเดือนธันวาคม ปี 2029 และภาคสุดท้าย ‘Avatar 5’ มีกำหนดเข้าฉายในเดือนธันวาคม ปี 2031
นอกจากนี้ แลนเดายังทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ Road Diary: Bruce Springsteen and the E Street Band’ ภาพยนตร์สารคดีของศิลปินร็อกระดับโลก บรูซ สปริงส์ทีน (Bruce Springsteen) ที่จะออกฉายทาง Disney+ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ รวมทั้งโปรเจกต์อื่น ๆ ที่เขาและคาเมรอนร่วมกันพัฒนา ทั้งการรีเมกหนังแฟนตาซี ‘Fantastic Voyage’ และหนังทริลเลอร์ดัดแปลงจากนิยาย ‘The Informationist’