Deadline ได้รายงานว่า ‘Bad Boys: Ride or Die’ ยังคงทำรายได้ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเก็บรายได้จากตลาดต่างประเทศ (นอกเหนือจากสหรัฐฯ) ในสุดสัปดาห์ล่าสุด (5- 7 กรกฎาคม 2024) ไป 8.2 ล้านเหรียญ จาก 66 ประเทศ ส่งผลให้รายได้รวมในต่างประเทศนั้นอยู่ที่ 182.8 ล้านเหรียญ
‘Bad Boys: Ride or Die’ ทำรายได้อย่างน่าประทับใจในประเทศซาอุดีอาระเบียถึง 20.5 ล้านเหรียญ รองลงมาคือ เม็กซิโก และสหราชอาณาจักร ที่ทำไป 14.9 ล้านเหรียญ และ 14 ล้านเหรียญ ตามลำดับ
ในส่วนของรายได้ในสหรัฐฯ นั้น สูงถึง 177.4 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมทั่วโลกนั้นผ่านหลัก 300 ล้านเหรียญ มาอยู่ที่ 360.2 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ และจุดค้มทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญ
แฟรนไชส์ ‘Bad Boys’ เริ่มต้นด้วยภาคแรกเมื่อปี 1995 ซึ่งเป็นผลงานแจ้งเกิดของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) นำแสดงโดย วิลล์ สมิธ (Will Smith) และมาร์ติน ลอว์เรนซ์ (Martin Lawrence) ในบทคู่หูตำรวจสุดเดือดดาลแห่งไมอามี โดยทำรายได้ทั่วโลกไป 141 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 20 ล้านเหรียญ ตามมาด้วย ‘Bad Boys II’ (2003), ‘Bad Boys for Life’ (2020) และล่าสุดอย่าง ‘Bad Boys: Ride or Die’ (2024) ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้และมีการพัฒนาตัวละครอย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จบนบ็อกซ์ออฟฟิศหลังฉายมาแล้ว 5 สัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าแฟรนไชส์ ‘Bad Boys’ นี้ ยังคงดึงดูดความสนใจจากผู้ชมรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ ‘Bad Boys: Ride or Die’ อาจทำรายได้ทั่วโลกถึงหลัก 400 ล้านเหรียญ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ หรืออาจเทียบเท่า ‘Bad Boys for Life’ ที่ทำไว้ 426.5 ล้านเหรียญก็เป็นได้
ด้วยความสำเร็จระดับนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่สตูดิโอจะเปิดไฟเขียวให้สร้าง ‘Bad Boys 5’ และตอนจบของ ‘Bad Boys: Ride or Die’ ก็เปิดกว้างให้สานต่อแฟรนไชส์ได้ในหลายทิศทาง จึงอาจทำให้ผู้สร้างเน้นเดินเรื่องด้วยพล็อตและสถานที่ที่แตกต่างออกไป เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือยุโรป เป็นต้น ดังที่ผู้เขียนบทเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้