ภายหลังจากเหตุการณ์ที่นักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชจากทีมหมูป่าอะคาเดมี หรือ 13 หมูป่า เข้าไปติดอยู่ภายในถ้ำ ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2561 เหตุการณ์นี้ถูกนำเสนอออกมาในหลายรูปแบบ 1 ในนั้นก็คือ ‘Thirteen Lives’ (2022) หรือ ‘สิบสามชีวิต’ ผลงานกำกับของ รอน ฮาวเวิร์ด (Ron Howard) ผู้กำกับรางวัลออสการ์จาก ‘A Beautiful Mind’ (2002)

ล่าสุด 1 ในนักแสดงของหนังเรื่องนี้อย่าง วิกโก มอร์เทนเซน (Viggo Mortensen) ผู้รับบทเป็น ริก สแตนตัน (Rick Stanton) นักดำน้ำชาวอังกฤษ 1 ในอาสาสมัครปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 หมูป่า ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Vanity Fair โดยเขาได้ออกมาวิจารณ์สตูดิโอเจ้าของหนังอย่าง MGM Studios ที่ตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายการฉายหนัง จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะฉายในโรงภาพยนตร์เต็มรูปแบบ กลายเป็นการเข้าฉายผ่านสตรีมมิง หลังจากที่ Amazon ควบรวมกิจการและเปลี่ยนชื่อเป็น Amazon MGM Studios ในปี 2022

“ผมเองรู้สึกว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของทีมสร้างหนังเหมือนกัน และส่วนตัวผมเองต้องการให้หนังได้ถูกฉายในโรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะหนังเรื่องที่ผมคิดว่ามันดี ตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นไม่นานนี้ก็คือ ‘Thirteen Lives’ ของ รอน ฮาวเวิร์ด มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยที่ผมได้ทำงานในหนังที่ใช้งบประมาณสูงขนาดนี้”

Viggo Mortensen, Joel Edgerton, Colin Farrell, Thira Chutikul, and Popetorn Soonthornyanakij in Thirteen Lives

“มันเป็นหนังที่ดีมาก ๆ นะครับ เป็น 1 ในหนังที่ดีที่สุดของฮาวเวิร์ดเลย หนังเรื่องนั้น MGM เป็นผู้สร้าง และเมื่อพวกเขาฉายรอบ Screen Test ปรากฏว่าหนังได้คะแนนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสตูดิโอเลย พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกันมาก เลยตัดสินใจว่าเดือนพฤศจิกายนในปีนี้ พวกเขาจะเอาหนังเรื่องนี้เข้าฉายทั่วโลกในโรงภาพยนตร์หลายพันแห่ง”

“แล้วหลังจากนั้น Amazon ก็เข้าซื้อ MGM ตอนแรกพวกเขาสัญญาว่าจะเคารพในข้อตกลงที่ MGM ทำไว้กับ รอน ฮาวเวิร์ด แต่แล้วพวกเขาก็ไม่ทำตามข้อตกลงนั้น สุดท้าย คุณก็ได้เห็นหนังเรื่องนั้นเข้าฉายในโรงหนังที่ชิคาโก, นิวยอร์ก, ลอสแองเจลิส และลอนดอนอยู่ 1 สัปดาห์ แล้วหลังจากนั้นก็เข้าสตรีมมิง”

“ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเศร้ามาก มันเป็นหนังที่ถ่ายทำเอาไว้ดีมาก มันเลยทำให้ผมรู้สึกกังวล ถ้าการสตรีมจะเป็นทางเดียวที่ผมจะทำให้ผมสามารถกำกับหนังเรื่องต่อไปได้ ผมก็คงต้องพิจารณาตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นหนังก็คงไม่ได้ทำหนังอีกเลย”

‘Thirteen Lives’ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แบบเฉพาะโรงเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมปี 2022 ก่อนจะเข้าฉายทางสตรีมมิง Prime Video ให้รับชมทั่วโลกในวันที่ 5 สิงหาคม หนังเรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก ทั้งการถ่ายทอดเรื่องราวการช่วยเหลือผ่านมุมมองของอาสาสมัคร การดำเนินเรื่องที่เต็มไปด้วยความระทึก โปรดักชันที่สมจริง งานภาพที่พิถีพิถันจากฝีมือของ สยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพชาวไทยระดับโลก

ซึ่งในแง่หนึ่ง กลยุทธ์การนำคอนเทนต์สตรีมมิงเข้าฉายโรง 7 วันขึ้นไปไม่ได้มีเพื่อการโปรโมตหนังใหม่เท่านั้น แต่เป็นไปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับคอนเทนต์ และเพื่อให้เข้าตามหลักเกณฑ์ในการส่งเข้าประกวดในเวทีรางวัลต่าง ๆ ของฮอลลีวูดด้วยนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น สถาบันศิลปะและวิชาการทางภาพยนตร์ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences: AMPAS) ผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์ ที่มีข้อกำหนดให้หนังที่เข้าฉายในแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่จะมีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล จะต้องเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ตั้งอยู่ในเมืองที่มีความสำคัญต่อตลาดภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาตามระยะเวลาและรอบฉายที่กำหนด เป็นต้น

ไม่เพียงเท่านั้น มอร์เทนเซน นักแสดงที่โด่งดังจากการรับบทเป็น อารากอร์น (Aragorn) จากแฟรนไชส์ ‘The Lord of the Rings’ ยังเปิดหน้าวิจารณ์ Amazon เกี่ยวกับการทำผิดข้อตกลงในการไม่นำหนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ก่อนจะเข้าฉายทางสตรีมมิงตามปกติ

“ที่เขาทำแบบนั้น พวกเขาก็คงมีข้ออ้างหลายอย่าง แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพราะความโลภนั่นแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าหิวเงินมาจากไหน ? ผมคิดว่า Amazon นั้นสามารถเคารพข้อตกลงตามที่พวกเขาบอกว่าจะทำได้แน่นอน ด้วยการปล่อยหนังให้เข้าฉายในโรงอย่างกว้างขวาง และให้ได้มีรอบฉายตามสมควร แล้วพวกเขาก็ยังทำเงินจากการสตรีมได้อีกช่องทาง”

“แต่พวกเขาคิดว่ามันคงจะประหยัดต้นทุนได้มากกว่า หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกเขาจะทำเงินได้มากกว่า หากไม่ต้องเสียเงินในการโปรโมตและฉายในโรง และไม่ต้องแบ่งกำไรกับโรงหนังโดยตรง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งสำหรับผมแล้วมันก็คือความโลภนั่นแหละ”

Ron Howard in Thirteen Lives

นอกจากนี้ เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ Amazon MGM Studios ได้กระทำลงไป เหมือนเป็นการดูถูกดูหมิ่นผู้กำกับชื่อดังระดับตำนาน ที่สร้างชื่อและผลงานให้กับฮอลลีวูดไว้มากมาย

“สำหรับผู้ชายที่มีอาชีพการงานมาอย่างยาวนานอย่าง รอน ฮาวเวิร์ด ผู้ที่ทำเงินให้กับสตูดิโอมากมาย และได้รับการยอมรับอย่างสมเกียรติในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์มาโดยตลอด การทำแบบนั้นกับคนอย่างเขามันเป็นอะไรที่ผมคิดว่ามันน่าขยะแขยงมาก”

“เขาเป็นคนที่ดีมาก ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ออกมาบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมก็ยินดีที่จะทำเพื่อเขา ผมไม่ได้จะพูดแทนเขา ผมพูดในนามของตัวผมเอง ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเขากระทำมันเป็นสิ่งที่น่าละอายใจ”

นอกจากมอร์เทนเซนจะมีบทบาทเป็นนักแสดงแล้ว อีกบทบาทที่ไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือบทบาทของการเป็นคนทำหนัง ที่มีผลงานการกำกับหนังนอกกระแสมาทั้งหมด 3 เรื่องแล้ว เขาได้กล่าวถึงความสำคัญและจำเป็นในการมีอยู่ของโรงภาพยนตร์ เหมือนที่เขาเคยกล่าวไว้ในรายการพอดแคสต์ Little Gold Men ว่า

“ตอนนี้มีช่องทางให้ฉายหนังแนว ๆ นี้ในโรงน้อยลง คือจะเรียกว่าผมหัวโบราณก็ได้ แต่ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังในโรงหนัง และผมชอบให้ผู้คนได้ดูหนังของผมในโรงภาพยนตร์น่ะ”