นับตั้งแต่ที่ แมตต์ เดมอน (Matt Damon) และ เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) เพื่อนบ้านชาวบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตต์ได้เจอกันครั้งแรกเมื่อตอนวัยเด็ก ที่สามารถรางวัลออสการ์ จากการร่วมกันเขียนบทหนังดราม่าชั้นดี ‘Good Will Hunting’ (1997) และทำให้พวกเขากลายมาเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงและนักทำหนังเพื่อนซี้ของฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จทั้งในและนอกจอมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากที่ทั้งคู่เพิ่งร่วมงานแสดง กำกับ และเป็นโปรดิวเซอร์หนังชีวประวัติสนีกเกอร์ในตำนาน ‘Air’ (2023) ปีนี้ พวกเขาลงมือทำงานร่วมกันอีกครั้งใน ‘The Instigators’ หนังตลกจารกรรมผลงานออริจินัลของ Apple TV+ ที่กำกับโดย ดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) ที่ทั้งคู่ร่วมกันเป็นโปรดิวเซอร์ แต่คราวนี้เดมอนร่วมแสดงนำกับน้องชายของเบนอย่าง เคซีย์ แอฟเฟล็ก (Casey Affleck) ที่มีเครดิตเขียนบทร่วมด้วย
ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดของพอดแคสต์ Radio Times Podcast เดมอน และเคซีย์ได้มาสัมภาษณ์ร่วมกัน โดยเดมอนได้มีโอกาสพูดถึงมิตรภาพอันยาวนาน ที่แม้ว่าทั้งคู่จะจับมือกันเดินเข้ามาสู่ฮอลลีวูด แต่วิถีการดำเนินชีวิตบนเส้นทางบันเทิงของทั้งคู่กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการมีชีวิตส่วนตัวในฐานะคนดัง ที่พร้อมจะถูกสื่อที่คอยจับจ้อง และตะครุบเอาไปเป็นประเด็นข่าวในสื่อของตัวเองแทบจะตลอดเวลา ในระดับที่เดมอนเองก็นึกไม่ออกว่าเขาจะใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่เบนเป็นได้อย่างไร
“ผมว่าตัวผมเองโชคดีมากในเรื่องนั้นครับ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ผมมองไปที่เบน พี่ชายของเคซีย์ ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การจับตามอง (ของสื่อ) แบบนั้นได้ยังไง และมันก็เป็นแบบนี้มา 25 ปีแล้ว เรา 2 คนมีเส้นทางอาชีพที่ขนานกันในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้น ผมจึงรู้สึกว่าโชคดีแล้วที่สามารถหลีกเลี่ยงจากสิ่งเหล่านั้นได้”
หลังจากเดมอน และแอฟเฟล็กในวัยปลาย 20 เริ่มมีผลงานการแสดงในบทสมทบ พวกเขาได้ตัดสินใจร่วมกันเขียนบทหนัง ‘Good Will Hunting’ ขึ้นมา ต้องเผชิญกับการไร้เครดิตในวงการ แถมยังถูกสตูดิโอสั่งแก้นับไม่ถ้วน จนกระทั่ง โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) ได้อ่านบทของพวกเขา ก็ทำให้นักแสดงรุ่นใหญ่ตัดสินใจเซ็นสัญญารับแสดงไว้ล่วงหน้า ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำด้วยซ้ำ
บทของพวกเขาถูกซื้อไปดัดแปลงเป็นหนังด้วยมูลค่า 6 แสนเหรียญ ที่ได้ กัส แวน แซงต์ (Gus Van Sant) มารับหน้าที่กำกับ และมีแอฟเฟล็กร่วมแสดง จนกระทั่งเมื่อออกฉาย ตัวหนังก็สามารถทำรายได้ไปมากกว่า 225 ล้านเหรียญ พร้อมกับคำวิจารณ์ชื่นชม แถมยังสามารถเข้าชิงออสการ์ได้ถึง 9 สาขา ส่วนเดมอนและแอฟเฟล็กสามารถคว้ารางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมตัวแรกในชีวิตของพวกเขา
เรียกว่าเป็นการแจ้งเกิดในฐานะคนทำหนัง ก่อนที่เดมอนจะแจ้งเกิดในฐานะนักแสดง ด้วยการรับบทเป็นทหารหนุ่มในหนังสงคราม ‘Saving Private Ryan’ (1998) และก่อนที่แอฟเฟล็กจะแจ้งเกิดจากการรับบทในหนังฟอร์มยักษ์ ‘Armageddon’ (1998) ด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่นั้น หนุ่มบอสตันทั้ง 2 คนก็ยังคงเดินบนเส้นทางฮอลลีวูด มีทั้งแยกกันไปทำงานเดี่ยว ๆ ของตัวเองอยู่นาน ก่อนจะกลับมาทำโปรเจกต์ร่วมกันอีกครั้ง แต่ในแง่ของชีวิตความเป็นคนดังของทั้งคู่กลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
แอฟเฟล็กกลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าเจ้าเสน่ห์ของฮอลลีวูด เขาได้แต่งงานกับนักแสดงหญิงซูเปอร์สตาร์ เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) หลังพบกันครั้งแรกในกองถ่ายหนังเรื่อง ‘Gigli’ (2002) จนกระทั่งเมื่อปาปารัสซีเริ่มจับภาพที่โลเปซสวมแหวนเพชรสีชมพู 6 กะรัดได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็กลายมาเป็นที่สนใจและจับจ้องของสื่อมาโดยตลอดในฐานะคู่รักเบนนิเฟอร์ (Bennifer)
ทั้งคู่ตัดสินใจเลื่อนการจัดงานแต่งงานที่วางแผนเอาไว้ในช่วงเดือนกันยายน 2003 เนื่องจากรู้สึกไม่สบายใจที่มีสื่อและปาปารัสซีให้ความสนใจในการแต่งงานของทั้งคู่มากเกินไป ก่อนจะประกาศถอนหมั้นในปี 2004 เพียง 3 วันก่อนพิธีแต่งงาน ทั้งคู่แยกย้ายไปมีครอบครัวของตนเอง ก่อนจะกลับมาคบหาและจัดพิธ๊แต่งงานเล็ก ๆ ขึ้นในปี 2022 จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีกระแสข่าวออกมาว่า ชีวิตสมรสของทั้งคู่อาจจะกำลังสั่นคลอน หลังจากที่มีสื่อจับสังเกตได้ว่าทั้งคู่ได้แยกกันอยู่คนละบ้าน
ในขณะที่เส้นทางเดมอนตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง นอกจากงานแสดงแล้ว เขายังมีผลงานในฐานะคนทำหนัง ทั้งการเขียนบทหนังมาแล้ว 4 เรื่อง รวมทั้งการรับหน้าที่โปรดิวเซอร์หนังอีกมากมายทั้งในงานเดี่ยวและที่มีเครดิตร่วมกับแอฟเฟล็ก งานล่าสุดที่ทั้งคู่ร่วมกันเขียนบทก็คือหนังดราม่าพีเรียด ‘The Last Duel’ (2021)
ในด้านชีวิตส่วนตัวเขาแต่งงานกับ ลูเซียนา บาร์โรโซ (Luciana Barroso) ภรรยาชาวอาเจนตินา ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกในปี 2003 ในระหว่างที่บาร์โรโซทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ ก่อนจะแต่งงานกันในปี 2005 และมีลูกสาวด้วยกัน 3 คน รวมทั้งเดมอนยังรับเป็นพ่อบุญธรรมให้กับลูกสาวของบาร์โรโซอีกด้วย
ในขณะที่ภรรยาของแอฟเฟล็กคือศิลปินซูเปอร์สตาร์ ภรรยาของเดมอนกลับไม่มีแม้แต่โซเชียลมีเดีย และปรากฏตัวต่อสาธารณะน้อยครั้ง สำหรับเดมอน เขาเองไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่ถูกสื่อจับจ้องตลอดเวลาแบบเดียวกับที่แอฟเฟล็กเจอได้อย่างไร เขาจึงยกเครดิตให้กับชีวิตการแต่งงานที่น่าเบื่อ ที่ทำให้เขาหลีกพ้นจากและวัฒนธรรมการเสพข่าวอื้อฉาวแบบนิตยสารซุบซิบ หรือหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่เคยทรงอิทธิพลในอดีต
“คุณรู้ใช่ไหมว่าวัฒนธรรมของนิตยสารสมัยนั้นมันยิ่งใหญ่มาก ๆ แต่เมื่อ 25 ปีก่อน วัฒนธรรมนิตยสารที่โด่งดังนั่นไม่ได้ให้ความสนใจกับผมเลยครับ ชีวิตของผมมันโคตรจะน่าเบื่อ เหมือนกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วนั่นแหละ”
“สิ่งที่ (สื่อ) จะเอาไปขายได้ก็คือพวกเรื่องอื้อฉาว เซ็กซ์ หรืออะไรทำนองนั้น และตราบใดที่คุณไม่ได้ทำอะไรทำนองนั้น มันก็ไม่คุ้มหรอกที่พวกเขาจะยอมเสียเวลาเพื่อดักรอถ่ายรูปคุณ แล้วสุดท้าย ผมก็ถูก (สื่อ) ปล่อยทิ้งไว้ตามลำพัง”
“มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดและชวนสับสนนะครับ ตัวผมเองแค่อยากจะทำงาน ผมเลยไม่ได้พยายามจะโดดเด่นอยู่หลายปี เพื่อที่จะหาแนวทางเป็นของตัวเอง โชคดีที่ผมตกหลุมรักกับคนนอกวงการที่ยอมอดทนกับเรื่องแบบนี้ และมันก็ช่วยผมเอาไว้ได้มาก ๆ เลย”