คำเตือน: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์ ‘Deadpool & Wolverine’


แม้ว่าจะยังฉายไม่ทันครบเดือน แต่ ‘Deadpool & Wolverine’ ก็มาแรงแบบสุด ๆ จนสามารถทำรายได้ Box Office ทั่วโลกด้วยตัวเลขล่าสุด 1,085 ล้านเหรียญ ทำสถิติกลายเป็นหนังเรต R ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลไปเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่ภาคก่อน ๆ ก็ยังคงรั้งตำแหน่งอยู่ใกล้ ๆ ทั้ง ‘Deadpool’ (2016) ภาคแรกที่อยู่ในอันดับที่ 5 ส่วน ‘Deadpool 2’ (2018) ติดอยู่อันดับที่ 4 แถมยังเป็นหนังที่ถูกพูดถึงบนหน้าฟีด ฝากมีมฝากไวรัลเอาไว้เพียบ

1 ในมุกสุดเกรียนที่เรียกเสียงระเบิดฮา โดยเฉพาะกับบรรดาแฟนหนัง X-Men ยุค 20th Century Fox ก็คือไตเติลตอนเริ่มเรื่อง เป็นพาร์ตที่ Deadpool ใช้เครื่องเดินทางข้ามเวลาของ Cable เดินทางไปยังรัฐนอร์ทดาโคตา สถานที่ที่ ลอรา คินนีย์ หรือ X-23 ฝังศพของโลแกน หรือ Wolverine เอาไว้ในตอนท้ายของหนัง ‘Logan’ (2017) เพราะ Deadpool ต้องการที่จะตามหาวูล์ฟเวอรีน ที่เชื่อว่าเป็น Anchor Being ของ Earth-10005 เพื่อป้องกันไม่ให้ไทม์ไลน์ของตัวเองล่มสลาย

ที่ช็อกยิ่งกว่าก็คือ พี่ Deadpool แกเล่นขุดหลุมศพกันดื้อ ๆ จนไปพบกับโครงกระดูกอะดาแมนเทียมของโลแกน ยังไม่พอ แถมยังเอามานั่งคุยเล่นคุยหัวอย่างกับว่ามีชีวิต แถมยังรื้อเอากระดูกกับกรงเล็บไปทำอาวุธฟาดเจ้าหน้าที่ขององค์กรกำกับสาขาเวลา (Time Variance Authority) หรือ TVA ที่บุกเข้ามาจับตัวจนไม่มีชิ้นดี พลางส่ายหัวเต้นเพลง “Bye Bye Bye” ของ NSYNC ประกอบไปด้วย

คนที่เข้าใจในจุดประสงค์ของฉากนี้ ก็จะขำระเบิดและทึ่งไปกับไอเดียตั้งต้นที่ไม่ธรรมดา แต่ถ้าใครที่มีความประทับใจกับฉากสุดท้ายใน ‘Logan’ ก็อาจจะมองว่าเป็นการเอาโมเมนต์สำคัญในหนังซูเปอร์ฮีโรมาทำลายย่ำยี จนในที่สุด IGN ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ไมเคิล กรีน (Michael Green) ผู้เขียนบท ‘Logan’ ร่วมกับ สก็อตต์ แฟรงก์ (Scott Frank) และผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold) ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยม

ซึ่งในบทสัมภาษณ์ กรีนได้เปิดเผยว่า แม้เขาจะรู้สึกแปลกใจกับฉากเปิดของ ‘Deadpool & Wolverine’ ที่จงใจล้อฉากปิดของ ‘Logan’ แต่เขาเองไม่เคยรู้สึกไม่พอใจ ตรงกันข้าม เขาเองยังชื่นชอบฉากนี้เอามาก ๆ เสียด้วย

Dafne Keen Logan

“มีคนเคยเตือนผมไว้ก่อนหน้านั้นว่า ‘เอ่อ ผมไม่แน่ใจนะว่าคุณจะรู้สึกยังไงกับฉากเปิดเรื่อง (ของ ‘Deadpool & Wolverine’) ผมคิดว่าตัวผมเองคงจะรู้ว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่กลายเป็นว่าผมไม่รู้จริง ๆ นะครับ ! ผมไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปสุดกันถึงเบอร์นั้น”

“ผมคิดว่า คุณไม่ต้องไปจริงจังกับการที่พวกเขาจะขุด (Wolverine) และคิดว่าเป็นตัวเขาจริง ๆ หรอกครับ สำหรับผม มันให้ความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้พยายามจะไปเปลี่ยนตอนจบของ ‘Logan’ แต่พวกเขากำลังสู้กับความรู้สึกที่ว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการจะสร้างหนังที่เทียบเท่ากับ ‘Logan’ ซึ่งถือเป็นการสดุดีที่ยิ่งใหญ่มากนะครับ ผมรู้สึกว่า (ฉากนี้) มีไว้เพื่อการสดุดีล้วน ๆ เลย”

ในแง่การเล่าเรื่อง นี่คือฉากที่ฉลาดมาก ๆ ในการเล่าอธิบายอย่างเห็นภาพว่า แม้หนังเรื่องนี้จะได้ ฮิว แจ็กแมน (Hugh Jackman) กลับมารับบท Wolverine อีกครั้ง หลังจากที่ประกาศยุติการรับบทนี้ไปแล้วใน ‘Logan’ แม้ว่าโดยผิวเผิน การขุดศพของโลแกนเอามาเล่นและใช้เป็นอาวุธของ Deadpool จะดูเป็นการเข้าไปทำลายหรือย่ำยีตอนจบสุด Epic ใน ‘Logan’

แต่ในอีกมุม ฉากนี้ก็เป็นการเคารพไทม์ไลน์ด้วยการ ‘ขุด’ ขึ้นมาให้ดูเห็น ๆ กันไปเลยว่า โลแกนที่เดินเรื่องอยู่ในหนังมันคือคนละคนกัน ไม่มีการพยายามเปลี่ยนเรื่องราวของหนัง และโลแกน (ในจักรวาลนั้น) ได้ ‘ตาย’ ลงไปแล้วจริง ๆ โดยไม่มีตัวแปรใด ๆ จะมาทดแทนได้

แต่อย่างไรก็ตาม คนที่เข้าใจในฉากนี้ก็จะรู้ว่า ตอนจบของหนัง ‘Logan’ ก็ยังถือว่าเป็นตอนจบที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่อยู่ดี ดังเช่นที่ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ประธานของ Marvel Studios ได้รั้งไม่ให้แจ็กแมนกลับมารับบทนี้ด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะเป็นการทำลายตอนจบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์ฮอลลีวูด ในขณะที่แจ็กแมนเองได้เปิดเผยกับ SiriusXM ว่า แม้เขาจะอยากกลับมารับบทนี้ แต่ก่อนจะเซ็นสัญญา เขาก็ยังให้ความสำคัญกับการไม่พยายามเข้าไปเปลี่ยนเหตุการณ์ (ที่เกิดขึ้นไปแล้ว) ใน ‘Logan’

“ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะอุปกรณ์ที่สามารถเคลื่อนที่ไปมาในไทมไลน์ไหนก็ได้ ที่พวกเขามีในโลกของ Marvel นั่นแหละครับ ตอนนี้เราสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่านี่คือวิทยาศาสตร์ ฉะนั้น ผมจึงไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปยุ่งกับไทม์ไลน์ของ ‘Logan’ ที่มีความสำคัญต่อผม และผมคิดว่ามันก็อาจจะมีความสำคัญสำหรับแฟน ๆ ด้วยเช่นกัน”

แต่แม้ว่ากรีนจะชื่นชอบไอเดียของฉากเปิด ‘Deadpool & Wolverine’ มากเท่าไร แต่เขาเองก็รู้สึกขอบคุณที่ตัวหนังไม่ได้เข้าไปยุ่งกับการล้อหนัง ‘Green Lantern’ (2011) ที่ซึ่งเขาเคยเป็น 1 ในผู้เขียนบท และอย่างที่รู้กันว่า นี่ถือเป็นอีกผลงานการแสดงของ ไรอัน เรย์โนลส์ (Ryan Reynolds) ที่ล้มเหลวในทุกด้าน (จนถึงขนาดที่ต้องมีฉากแซวเรื่องนี้ใน ‘Deadpool 2’)

“หนังเรื่องนั้นสนุกมากจริง ๆ นะครับ ผมหมายถึงตอนที่ผมได้เข้าไปดูในโรงที่มีคนเยอะ ๆ ผู้คนต่างตื่นเต้นไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง มันยอดเยี่ยมจริง ๆ เป็นแฟรนไชส์ที่ยอดเยี่ยม ผมอยากได้แบบนี้อีกนะ ขอเลย ! แต่รู้ไหมสิ่งที่ผมประทับใจมากกว่านั้นก็คือการที่มันไม่มีมุกเกี่ยวกับ ‘Green Lantern’ ที่ผมมีส่วนรับผิดชอบ คุณต้องยืดอกยอมรับมันอย่างภาคภูมิใจสิ !”