คำเตือน: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์ ‘Alien: Romulus’


หลังจากที่เรื่องราวของซีโนมอร์ฟ (Xenomorph) ห่างหายไปนาน ‘Alien: Romulus’ ภาคล่าสุดที่มีไทม์ไลน์คั่นกลางระหว่างภาคคลาสสิกทั้ง ‘Alien’ (1979) ฉบับสยองขวัญของ ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) และ ‘Aliens’ (1986) ภาคแอ็กชันของเจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ได้รับคำชื่นชมในแง่ของการนำทิศทางใหม่ ๆ ในการนำเสนอแนวทางแอ็กชันผสมกับสยองขวัญ ผสมกับความคลาสสิกที่มีการหยิบยืมและอ้างอิงจากหนังในแฟรนไชส์ Alien ทุกภาคมาผสมรวม และนำมาขยายเรื่องราวได้อย่างลงตัว

องค์ประกอบที่นับได้ว่าเป็น Easter Egg ที่สามารถอ้างอิงไปถึงภาคก่อน ๆ ได้ก็คือ การปรากฏตัวของ ‘เอเลี่ยนพันธุ์ใหม่’ ที่ให้กำเนิดขึ้นมาในตอนท้ายของเรื่อง ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบที่ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างมากระหว่างคนดู ซึ่งผู้กำกับ เฟเด อัลวาเรซ (Fede Álvarez) ได้เล่าเบื้องหลังไอเดียของ Xenomorph ลูกผสมที่แม้จะมีความแตกต่างในรายละเอียด แต่สามารถเชื่อมโยงไปถึงภาคต้นได้

ในฉากไคลแม็กซ์ขององก์สุดท้าย หลังจากที่ เคย์ (อิซาเบลา เมอร์เซด – Isabela Merced) น้องสาวของไทเลอร์ (อาร์ชี เรอโนซ์ – Archie Renaux) ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ ได้ฉีด Prometheus 5 สารสีดำที่มีความคล้ายกับสาร A0-3959X.91 – 15 หรือแบล็กกู (Black Goo) อันเกิดจากการคิดค้นด้วยเทคนิควิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering) ของนักวิจัยบนสถานีอวกาศ Renaissance เพราะเธอคิดว่าจะช่วยให้รักษาอาการบาดเจ็บได้

Fede Alvarez Alien Romulus

สารสีดำนี้ได้จากการวิจัยซากของ Big Chap หรือ Xenomorph ตัวสุดท้ายที่ เอลเลน ริปลีย์ ปล่อยออกมาจากยานอวกาศในภาคแรก ‘Alien’ (1979) บริษัท Weyland-Yutani เชื่อว่าสารสีดำนี้จะช่วยให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวในอาณานิคมอวกาศ ซึ่งต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความผันผวน

แต่ภายหลังกลับพบว่า Big Chap ยังไม่ตาย ลูกเรือบนสถานีอวกาศถูกสังหารลงทั้งหมด ทำให้ Renaissance กลายเป็นรังร้างของ Xenomorph และ Facehugger จำนวนมหาศาล ก่อนที่เหล่านักผจญภัยรุ่นใหม่จะเข้าไปสำรวจเพื่อหาสิ่งของสำหรับใช้หลบหนีออกไปจากอาณานิคมเหมือง Jackson’s Star

หลังจากฉีดสารได้ไม่นาน เคย์ให้กำเนิดออฟสปริง (Offspring) เอเลี่ยนลูกผสมที่มีโครงสร้างร่างกายบางส่วนคล้ายกับ Xenomorph แต่กลับมีโครงสร้างร่างกาย ศีรษะและใบหน้าคล้ายกับมนุษย์ แต่มีส่วนสูงและผิวสีขาวที่คล้ายกับผู้สร้าง (Engineer) ในหนังเราจะได้เห็นวงจรชีวิตของ Offspring ที่กำเนิดขึ้นจากไข่ที่ออกมาจากครรภ์ของเคย์ ก่อนจะฟักตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มันสามารถเดินและยืนตรงได้ราวกับมนุษย์ และสามารถกินเลือดของเหยื่อได้

Xenomorph ลูกผสมนี้ สามารถอิงไปถึงเอเลี่ยนลูกผสมที่ถูกเรียกว่า Newborn ในภาค ‘Alien Resurrection’ (1997) ซึ่งเป็น Xenomorph ที่มี DNA ของมนุษย์ผสมอยู่ ทำให้มีหน้าตาและร่างกายคล้ายมนุษย์ แต่อัลวาเรซได้เปิดเผยว่า แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการจะเชื่อมโยงกับ ‘Resurrection’ โดยตรง แต่กลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ

Alien Resurrection

“ลูกชายผมเขาดูหนัง Alien กับเพื่อนเขาทุกภาคเลยครับ แล้วตอนลูกเอเลี่ยนคลอดออกมา เขาบอกผมว่า ‘มันเหมือนกับภาค ‘Resurrection’ เลย’ ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นเอาไว้เลยนะครับ แต่ว่ามันเป็นจริง อยู่ดี ๆ เจ้าตัวน่ารังเกียจตัวนี้มันก็ออกมา”

ในขณะที่เขาตั้งใจจะให้สิ่งนี้เชื่อมโยงไปถึง Engineer และ Black Goo ที่ถูกพูดถึงเฉพาะในภาคต้นอย่าง ‘Prometheus’ (2012) และ ‘Alien: Covenant’ (2017) ซึ่งมีการอธิบายถึงองค์ประกอบทางพันธุกรรม วงจรชีวิตของ Xenomorph และจุดกำเนิดของเหล่ามนุษย์และเอเลี่ยนมากกว่า

“ผมหวังว่าคนดูจะสามารถเข้าใจเนื้อเรื่องของ Engineer ทั้งหมดมากขึ้นครับ Black Goo คือรากฐานของทุกสิ่งที่ปรากฏใน ‘Prometheus’ มันเป็นรากฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดา Xenomorph ที่ถือกำเนิดออกมาสิ่งมีชีวิตนั้น หมายความว่า มันต้องกำเนิดมาจากภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิต ราวกับว่ามันคือน้ำอสุจิของเอเลี่ยนอะไรแบบนั้น”

“ดังนั้นเราจึงมองว่า ถ้ามันส่งผลต่อ DNA ของคุณได้ ในขณะที่เหล่า Engineer ก็มีรากฐานของชีวิตในแบบเดียวกันอย่างชัดเจน สำหรับผมแล้ว มันเลยสมเหตุสมผลมาก ๆ ที่ทายาทของมนุษย์เอเลี่ยนจะมีลักษณะออกมาเป็นแบบนั้น มันอาจจะเป็นสายพันธ์ุใหม่ก็ได้นะครับ เพราะการผสมผสานอะไรแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”