คำเตือน: บทความนี้มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเพศ ความรุนแรง และการฆ่าตัวตาย
เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคมที่ผ่านมา ‘MaXXXine’ หนังปิดไตรภาค Slasher ค่าย A24 ของผู้กำกับและเขียนบท ไท เวสต์ (Ti West) ต่อจาก ‘X’ (2022) และ ‘Pearl’ (2022) ได้ฤกษ์เข้าฉายเป็นครั้งแรก โดยสามารถทำรายได้ Box Office ทั่วโลกไป 21 ล้านเหรียญ โดยแฟรนไชส์นี้ถือเป็นผลงานการแสดงที่สร้างชื่อให้ มีอา ก็อธ (Mia Goth) กลายเป็นนักแสดงดาวรุ่งอีกคนที่น่าจับตามอง
แต่หากยังจำกันได้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 12 มกราคม เจมส์ ฮันเตอร์ (James Hunter) นักแสดงประกอบวัย 47 ปี ที่ได้รับการว่าจ้างให้เข้ามาทำงานในกองถ่ายหนัง ‘MaXXXine’ ได้ทำการยื่นฟ้องก็อธ, เวสต์ รวมทั้งสตูดิโอ A24 โดยเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 500,000 เหรียญ ในข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย และการถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม หลังจากที่เขาได้กล่าวหาว่าก็อธเตะที่ศีรษะของเขาในระหว่างการถ่ายทำ ‘MaXXXine’ เมื่อเดือนเมษายน ปี 2023
ฮันเตอร์ได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ตัวของเขาได้รับการว่าจ้างให้มาแสดงเป็น ‘ศพบาทหลวง’ เป็นเวลา 3 วัน โดยเหตุการณ์ดังกล่าเกิดขึ้นภายในวันแรกของการทำงาน ในวันนั้น เขาต้องรับหน้าที่แสดงเป็นศพบาทหลวงที่นอนแน่นิ่ง และมีเลือดปลอมอยู่ทั่วตัว ทำให้เขาถูกยุงและแมลงรบกวน ในฉากนั้น ก็อธที่รับบทเป็น แม็กซีน มิงซ์ ได้วิ่งผ่านศพนักบวชไป
โดยตามบท แม็กซีนจะก้มมองที่ศพและวิ่งผ่านไป แต่ในเทคที่ 4 ก็อธเกิดก้าวพลาดจนเกือบจะเหยียบตัวเขา ฮันเตอร์ได้ร้องเรียนเรื่องนี้กับผู้ช่วยผู้กำกับคนที่ 2 ที่ได้เข้าไปเตือนให้ก็อธคอยระวังไม่ให้พลาดไปเหยียบซ้ำ และคล้ายกับว่าก็อธเหมือน ‘ถูกบังคับ’ ให้ขอโทษเขา จนกระทั่งเทคที่ 5 ฮันเตอร์กล่าวอ้างว่า ก็อธที่สวมใส่รองเท้าบูธ มีเจตนาเตะเข้าไปที่ศีรษะ จนทำให้เขารู้สึกปวดหัวและมีอาการบาดเจ็บที่คออย่างเฉียบพลัน
ฮันเตอร์กล่าวอ้างในคำฟ้องอีกว่า หลังจากถ่ายทำเสร็จ เขาเดินไปเข้าห้องน้ำเคลื่อนที่ที่อยู่ห่างจากกองถ่ายไม่ไกล ก่อนที่ก็อธจะเดินเข้ามาพูดกับเขาด้วยอากัปกิริยา ‘หัวเราะเยาะ เยาะเย้ย และดูถูก’ ว่า “ไม่มีใครเขาเชื่อมึ-หรอก เพราะมึ-มันไม่ได้มีอะไรเลย มึ-ออกไปจากกองถ่ายเลยไป ไอ้เด็กไม่รู้จักโตเอ๊ย”
เขายังกล่าวอ้างว่ามีอาการปวดศีรษะในระหว่างขับรถกลับบ้านจนต้องแวะจอดข้างทาง 2 ครั้งจากการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ และอ้างว่าเลือดปลอมที่แห้งกรังทำให้เขารู้สึกเจ็บอย่างมากตอนที่กำลังจะถอดชุด
นอกจากนี้ ตามเอกสารคำฟ้องยังระบุว่า แม้ฮันเตอร์จะได้รับการว่าจ้างให้ทำงาน 3 วัน แต่วันรุ่งขึ้นเขาก็ได้รับแจ้งว่าไม่ต้องไปทำงานในกองถ่ายอีกต่อไป ซึ่งฮันเตอร์กล่าวอ้างว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ดังกล่าว ภายหลังฮันเตอร์ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Daily Beast ว่า การถูกเตะเข้าที่ศีรษะทำให้เขารู้สึกมึนงง เวียนหัว เป็นไมเกรน รู้สึกฝันร้ายและทุกข์ใจอย่างหนัก
รวมทั้งกล่าวอ้างว่า A24 มีฟุตเทจจังหวะที่ก็อธวิ่งเตะศีรษะของเขาด้วย แต่สตูดิโอกลับปกปิดหลักฐานเอาไว้ เขากล่าวอ้างว่า A24 ทำการขัดขวางการปล่อยฟุตเทจออกมา ในขณะที่ A24 ได้อ้างในเอกสารคำให้การของศาลว่า แม้จะตกลงที่จะส่งภาพฟุตเทจบางส่วนให้ แต่ฮันเตอร์กลับปฏิเสธที่จะลงนามเพื่อรักษาความลับของพยานวัตถุ
ฮันเตอร์กล่าวว่า “พวกเขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยฟุตเทจที่ไม่ได้ตัดต่อให้เราได้ดู เพื่อที่เราจะได้เช็กว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนไหน… ตอนนั้นผมไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย ผมรู้สึกไม่สบายหลังจากถูกเตะหัว ผมแค่อยากออกจากกองถ่ายมากกว่าจะทำอย่างอื่น ผมไม่รู้ว่าอาการของผมร้ายแรงแค่ไหนในตอนนั้น”
ในขณะที่ตัวแทนของ A24 ได้เปิดเผยผ่านเอกสารแถลงการณ์ที่ยื่นต่อศาลว่า ข้อกล่าวหาของเขานั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด “ข้อกล่าวอ้างในคำร้องเรียนนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องนี้ยังคงอยุ่ในระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล ในเวลานี้ เราจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ แต่เราจะปกป้องมีอา และทีมงานสร้างสรรค์ภาพยนตร์ทุกคนอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวหาอันไร้เหตุผลอย่างยิ่งนี้ต่อไป”
หลังจากมีข่าว เริ่มมีเสียงโจมตีถึงพฤติกรรมของก็อธมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Rolling Stone ได้เผยแพร่รายงาน Exclusive ที่หักล้างข้อกล่าวหาของฮันเตอร์ รวมทั้งยังขุดคุ้ยและเปิดโปงพฤติกรรมในอดีตของเขาออกมาแฉ
รายงานได้กล่าวอ้างถึงแหล่งข่าวที่เป็นทีมงานในกองถ่าย 3 คนที่ให้ข้อมูลตรงกันว่า ไม่มีใครในกองถ่ายรู้เห็นเหตุการณ์ตามที่เจมส์ฟ้องเลย และพวกเขาเพิ่งจะรู้ว่ามีเหตุการณ์นี้ก็ตอนที่เพิ่งมีข่าวออกมา แม้ฮันเตอร์จะกล่าวอ้างว่าตนเองมีอาการบาดเจ็บสาหัสจนเกือบจะหมดสติ แต่เขาก็ไม่เคยแจ้งให้ทีมงานคนใดในกองถ่ายทราบถึงอาการบาดเจ็บของเขาเลย
ในขณะที่ เจฟฟ์ โอลัน (Jeff Olan) ทีมงานผู้คัดเลือกนักแสดง รวมทั้งจัดหานักแสดงประกอบให้กับหนังเรื่องนี้ได้เปิดเผยว่า ฮันเตอร์ไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากที่บริษัทของโอลันแจ้งเลิกจ้างฮันเตอร์ไม่ให้มาทำงานใน 2 วันที่เหลือ “ผมตกใจมาก มันไม่สมเหตุสมผลเลยสำหรับผม… เขาไม่เคยบ่นอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกองถ่ายเลย”
ปี 2015 ฮันเตอร์ถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำของสถานีตำรวจภายในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในข้อหาฉ้อโกง ด้วยการโพสต์โฆษณาให้เช่าอะพาร์ตเมนต์บนเว็บไซต์ Craigslist และหลอกลวงด้วยการเก็บเงินค่าเช่าจากผู้ใช้รายใหม่ และโอนสัญญาเช่าไปให้เจ้าของบ้านรายอื่นในช่วงปี 2014-2015 โดยมีเป้าหมายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
คดีนี้ทำให้ฮันเตอร์ถูกจำคุกเป็นเวลา 10 วัน ก่อนจะได้รับการประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ 20,000 เหรียญ ถูกปรับเงินเป็นจำนวน 300 เหรียญ และต้องทำงานบริการชุมชน 480 ชั่วโมง ก่อนจะถูกยกฟ้องในปี 2018 หลังจากรอลงคดีอาญา 3 ปี ฮันเตอร์กล่าวปฏิเสธว่าเขาไม่เคยหลอกลวงใคร ตอนนั้นเขาจำใจรับสารภาพเพราะไม่มีโอกาสได้แก้ตัว รวมทั้งมีทนายความที่ไม่ดี และไม่มีเงินพอที่จะต่อสู้คดี
อีกคดีที่เกิดขึ้นในปี 2022 ก็คือคดีที่หญิงสาวคนหนึ่งได้ยื่นคำร้องห้ามใช้ความรุนแรงต่อครอบครัวกับฮันเตอร์ ซึ่งเขากำลังยื่นอุทธรณ์อยู่ในขณะนี้ โดยหญิงสาวคนนี้กล่าวอ้างว่าได้คบหาเขาในช่วงปี 2019 แต่กลับพบว่าการคบหากับเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพจิต เมื่อเธอพยายามยุติความสัมพันธ์ ฮันเตอร์เริ่มมีพฤติกรรมเป็น Stalker คอยสะกดรอยตามและขู่ว่าจะก่อเหตุฆ่าตัวตายให้เธอดู
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น หญิงสาวกล่าวอ้างถึงฮันเตอร์ที่แบล็กเมลเธอว่า หากแจ้งตำรวจ เขาจะส่งภาพลามก ทั้งภาพเปลือยของเธอ และภาพในขณะที่เธอกำลังมีเพศสัมพันธ์กับเขาให้กับคณะบดีของมหาวิทยาลัย และจะโพสต์ภาพรวมทั้งคลิปวิดีโอของเธอบนอินเทอร์เน็ต และในเว็บไซต์ลามก นอกจากนี้เขายังคุกคามพ่อแม่ของเธอด้วย จนทำให้เธอยื่นฟ้องต่อศาล
คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของฮันเตอร์ได้รับการอนุมัติในเดือนสิงหาคม 2022 ก่อนที่เขาจะทำการยื่นอุทธรณ์ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ฮันเตอร์ได้ฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย หลังจากที่เธอปฏิเสธที่จะถ่ายทำหนัง ‘Vagabond Lover 1999’ ซึ่งเป็นหนังที่เขากำกับและไม่ได้เผยแพร่ ฮันเตอร์อ้างว่าได้จ่ายเงินให้หญิงสาวไปแล้ว 2,000 เหรียญ สำหรับการถ่ายทำ 2 วัน และยังได้ฟ้องคดีแพ่งพ่อเลี้ยงของเธอเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านเหรียญ โดยกล่าวหาว่าเขาโดนพ่อเลี้ยงผลักและข่มขู่ เมื่อเขาพยายามจะทวงเงินจากหญิงสาวคืน
ในเอกสารของศาล หญิงสาวและพ่อเลี้ยงได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาให้ฮันเตอร์เป็นผู้ฟ้องร้องก่อกวน หรือบุคคลที่ฟ้องร้องคดีโดยไม่มีมูลเหตุอันควร ก่อนที่ฮันเตอร์จะทำการยกฟ้อง ซึ่งคดีนี้ถูกยกมาเปรียบเทียบกับคดีที่เขาฟ้องก็อธว่า อาจเป็นการฟ้องร้องก่อกวนเพื่อโจมตีในเชิงแก้แค้น มากกว่าจะเป็นการฟ้องร้องอย่างจริงจัง
Rolling Stone รายงานเพิ่มเติมว่า ได้ติดต่อทนายของฮันเตอร์เพื่อขอความคิดเห็นแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ในขณะที่สื่อกล่าวอ้างว่าได้รับโทรศัพท์จากฮันเตอร์โดยตรง ในการสนทนายาว 1 ชั่วโมง ฮันเตอร์ได้กล่าวย้ำว่า ก็อธจงใจที่จะเตะศีรษะของเขา และยังคงได้รับผลกระทบระยะยาวจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น โดยเขาต้องการชี้แจงว่า คดีอาญาและคดีแพ่งหลายคดีที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ได้เป็นความจริง พร้อมกับกล่าวข้อความในเชิงข่มขู่ว่า
“คุณต้องระวังสิ่งที่คุณจะพิมพ์ให้มากนะ เพราะจากอีเมลที่ทนาย Forward มาให้ผม มันดูเหมือนว่าคุณกำลังจะเขียนบทความโจมตีผมอยู่ คุณมีสิทธิ์ภายใต้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับแรก ที่จะพิมพ์อะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการ แต่ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ เพราะถ้าเกิดชนะคดีนี้ขึ้นมา ผมหมายถึงว่า ให้ระวังตัวไว้ให้ดี ๆ … “
หลังจากที่ข้อกล่าวหาของฮันเตอร์ได้รับความสนใจ ฮันเตอร์พยายามจะชี้แจงเรื่องราวในมุมของตัวเองผ่านสื่อบันเทิง และสื่อออนไลน์ รวมทั้งตอบโต้กับคนที่สงสัยในข้อกล่าวหา รวมทั้งหยิบเอาประวัติทางกฏหมายของเขามาพูดถึงด้วยถ้อยความอันเผ็ดร้อน อาทิ “คน ๆ เดียวที่โดนหลอกก็คือแม่มึ-ตอนที่คลอดมึ-ออกมาหรอกอีโสโครก” หรือ “ผมจะเอาเรื่องนี้ส่งให้ทนายด้วย ผมคงต้องจ่ายเพิ่มให้เจ้าหน้าที่ไปตามหาคุณในสลัม”
ในขณะที่มีคนรวบรวมโพสต์และแชร์เนื้อหาที่มีพฤติกรรมการเกลียดชังผู้หญิง (Misogyny) เกลียดการตื่นรู้ทางวัฒนธรรม เกลียดความหลากหลายทางเพศ และออกตัวสนับสนุนบุคคลที่มีทัศนคติในทางเดียวกัน
ในขณะนี้คดีความยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดี อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า นับตั้งแต่ที่ฮันเตอร์ยื่นฟ้องคดีความดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนมกราคม ตัวเขาเองยังไม่เคยมาปรากฏตัวในการให้การ 2 ครั้งล่าสุดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทนายความของเขาได้กล่าวอ้างว่าได้ทำการเลื่อนนัดให้การออกไป เนื่องจากลูกความของเขายังคงมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่เกิดขึ้นจากการถูกเตะที่ศีรษะ ในกำหนดการครั้งหนึ่ง ฮันเตอร์ได้ขอเลื่อนออกไปเนื่องจากต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการไมเกรนขั้นรุนแรง ในขณะที่การพิจารณาคดีครั้งต่อไปจะมีขึ้นในเดือนกันยายน