‘Deadpool & Wolverine’ ทวงคืนบัลลังก์จ่าฝูง: ประกาศศักดาแชมป์ซัมเมอร์นี้

‘Deadpool & Wolverine’ ของ Marvel Studios กลับขึ้นอันดับที่ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ อีกครั้ง ด้วยรายได้ 18.3 ล้านเหรียญ ในสุดสัปดาห์ที่ 5 (23 – 25 ส.ค. 2024) หลังจากเสียแชมป์ให้กับ ‘Alien: Romulus’ ของ 20th Century Studios ไปเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

การกลับขึ้นอันดับที่ 1 ทำให้ภาพยนตร์ล่าสุดในจักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) เรื่องนี้ ทำรายได้รวมในสหรัฐฯ ไป 577.2 ล้านเหรียญ และรายได้รวมทั่วโลกที่สูงถึง 1,211.3 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ MCU ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างมหาศาล

ทางด้าน ‘Alien: Romulus’ นั้น ทำรายได้สุดสัปดาห์ที่ 2 ไป 16.2 ล้านเหรียญ โดยเป็นรายได้ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 72.6 ล้านเหรียญ และรายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 225.4 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 80 ล้านเหรียญ ซึ่งผ่านจุดคุ้มทุนที่ประมาณ 160 ล้านเหรียญ จากการฉายเพียง 9 วันเท่านั้น

อีกหนึ่งความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องที่ 7 ในแฟรนไชส์ ‘Alien’ นี้ คือการทำรายได้จากการฉายในระบบ IMAX ทั่วโลกไป 31.2 ล้านเหรียญ ซึ่งกำลังจะแซงหน้า ‘Prometheus’ (2012) ภาพยนตร์เรื่องที่ 5 ของแฟรนไชส์นี้ที่ทำไว้ 31.8 ล้านเหรียญ และเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ทำรายได้ในระบบ IMAX ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลในปัจจุบันด้วย

ความสำเร็จของ ‘Deadpool & Wolverine’ และ ‘Alien: Romulus’ ส่งผลให้ Disney ที่ครอบครองทั้ง Marvel Studios และ 20th Century Studios มีภาพยนตร์ติดอันดับที่ 1 บนบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ ในซัมเมอร์ปี 2024 นี้ นาน 5 สัปดาห์ติดต่อกัน และถ้ารวมกับ ‘Inside Out 2’ แล้วนั้น จะทำให้ Disney มีภาพยนตร์ติดอันดับที่ 1 ในซัมเมอร์นี้ถึง 9 สัปดาห์ด้วยกัน

‘It Ends with Us’ ภาพยนตร์โรแมนติกนำแสดงโดย เบลก ไลฟ์ลี (Blake Lively) ภรรยาของ ไรอัน เรย์โนลส์ (Ryan Reynolds) ก็กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เซอร์ไพรส์ฮิตประจำซัมเมอร์นี้ ด้วยรายได้ทั่วโลกที่สูงถึง 218.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 25 ล้านเหรียญ และส่งผลให้หลายสตูดิโอสนใจนำนิยายเรื่องอื่น ๆ ของ คอลลีน ฮูเวอร์ (Colleen Hoover) ผู้ประพันธ์นิยายต้นฉบับ มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์

ที่น่าผิดหวังคือภาพยนตร์เข้าใหม่อย่าง ‘Blink Twice’ ของ Amazon MGM Studios ที่ได้ แชนนิง เททัม (Channing Tatum) แสดงนำ ซึ่งทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในสหรัฐฯ ไปเพียง 7.3 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่สูงถึง 20 ล้านเหรียญ ทำให้เป็นผลงานที่น่าผิดหวังอย่างต่อเนื่องของเขาภายหลังจาก ‘Fly Me to the Moon’ ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกไปเพียง 41.3 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่สูงถึง 100 ล้านเหรียญ

และ ‘The Crow’ เวอร์ชันรีบูตที่ผู้ชมเฝ้ารอมา 30 ปี ของ Lionsgate ที่ทุ่มทุนสร้างไปถึง 50 ล้านเหรียญ พร้อมมอบหมายให้ รูเพิร์ต แซนเดอร์ส (Rupert Sanders) จาก ‘Ghost in the Shell’ (2017) เป็นผู้กำกับ และได้ บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) แสดงนำ แต่เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกบนบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ ในอันดับที่ 8 ด้วยรายได้เพียง 4.6 ล้านเหรียญ ซึ่งต้องรอลุ้นว่ารายได้จากต่างประเทศจะทำให้ผ่านจุดคุ้มทุนที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญ ได้หรือไม่

นอกจากนี้ ‘The Crow’ ยังได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ไปเพียง 20% และบน CinemaScore ในระดับ B- เท่านั้น

5 อันดับ บ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ (23 – 25 สิงหาคม 2024)