หากพูดถึง เจมส์ แม็กอะวอย (James McAvoy) นักแสดงหนุ่มชาวสกอตแลนด์ เรามักจะนึกถึงบทบาทของเขาในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การรับบทเป็น ชาร์ลส์ เซเวียร์ วัยหนุ่มในจักรวาลหนัง ‘X-Men’ ของ 20th Century Fox การรับบทเป็นชายหนุ่มผู้มี 23 บุคลิกใน ‘Split’ (2016) ของผู้กำกับ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) การรับบทเป็น บิล เดนโบรห์ ตอนโตใน ‘It Chapter Two’ (2019) บทลอร์ดแอสเรียล เบลาควา ในซีรีส์ ‘His Dark Materials’ (2019–2022) ของ HBO
แต่เรื่องที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ก็คือ ครั้งหนึ่งเขาเกือบจะมีเส้นทางการแสดงอีกแบบแล้ว เพราะเขาเกือบจะได้รับบทในแฟรนไชส์หนังระดับบล็อกบัสเตอร์ ล่าสุด แม็กอะวอยได้ให้สัมภาษณ์กับ จอช โฮโรวิตซ์ (Josh Horowitz) ในพอดแคสต์ Happy Sad Confused โดยเขาได้เปิดเผยว่า เขาเกือบจะได้รับบทเป็น ทอม ริดเดิล ช่วงวัยรุ่นในแฟรนไชส์หนัง แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ในภาค ‘Harry Potter and the Chamber of Secrets’ (2002) แล้ว แต่เขากลับปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่คาดไม่ถึง
“โอ้ ผมเกือบจะได้เล่นหนัง ‘Harry Potter’ แล้วด้วยนะครับ เอ่อ…น่าจะตั้งแต่ภาคแรกเลยมั้ง ผมเดาว่าน่าจะตั้งแต่ภาคแรกเลยมั้ง ไม่แน่ใจว่า ทอม ริดเดิลนี่มาตั้งแต่ภาคแรกเลยมั้ยนะ ? ถ้ามาแบบปรากฏตัวครั้งแรกจริง ๆ น่าจะมาเป็น Flashback หรืออะไรทำนองนั้นนั่นแหละ”
“ผมจำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงเริ่มต้นอาชีพนักแสดงของผมพอดี ผมเข้าไปออดิชัน และผมคิดว่า พวกเขาน่าจะต้องการให้ผมเซ็นสัญญาเก็บตัว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น แปลว่าผมก็จะออกไปทำงานอย่างอื่นอะไรไม่ได้เลย พวกเขาต้องการให้ผมและนักแสดงอีกประมาณ 10 กว่าคนเซ็นสัญญาเก็บตัวไว้ เพื่อให้พวกเขามีตัวเลือกนักแสดงเอาไว้ในภายหลัง”
“พวกเขายื่นข้อเสนอเป็นเงินที่เยอะมากครับ สำหรับผมในตอนนั้นก็ถือว่ามหาศาลเลยแหละ ประมาณสัก 40,000 ปอนด์ (ประมาณ 5x,xxx เหรียญ) หรืออะไรประมาณนั้น โดยที่ผมแทบไม่ต้องไปทำงานอย่างอื่น แต่ผมก็จะไม่ได้ทำงานอีกเลยในช่วงระยะเวลาประมาณ 7 เดือน อะไรทำนองนี้ละครับ”
หากไม่นับการปรากฏตัวครั้งแรกของลอร์ดโวลเดอร์มอร์ หรือ ‘คนที่คุณก็รู้ว่าใคร’ ที่ปรากฏตัวในร่างที่รวมกับศาสตราจารย์ควิรินัส ควีเรลล์ ที่แสดงโดย เอียน ฮาร์ต (Ian Hart) ใน ‘Harry Potter and the Sorcerer’s Stone’ (2001) ซึ่งฮาร์ตรับหน้าที่พากย์เสียง ส่วนใบหน้าของโวลเดอร์มอร์แสดงโดย ริชาร์ด เบรมเมอร์ (Richard Bremmer)
ส่วนตัวละคร ทอม มาร์โวโล ริดเดิล ได้ปรากฏตัวครั้งแรกใน ‘Harry Potter and the Chamber of Secrets’ (2002) ซึ่งนอกจากแม็กอะวอยที่ปฏิเสธบทบาทนี้ไปแล้ว เอ็ดดี เรดเมน (Eddie Redmayne) ก็เป็นนักแสดงอีกคนที่เคยมาออดิชันในบทบาทนี้ตอนช่วงที่เขายังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนที่เขาจะพลาดบทบาทนี้ไป และภายหลังเขาได้รับบทเป็น นิวท์ สคามันเดอร์ นักสัตว์วิเศษวิทยา ในหนัง ‘Fantastic Beasts’ ของจักรวาล Wizarding World แทน
และคนที่ได้รับบท ทอม ริดเดิล เป็นคนแรกก็คือ คริสเตียน โคลสัน (Christian Coulson) ที่แม้ว่าอายุ 23 ปีของเขาจะเกินเกณฑ์ในการคัดเลือกนักแสดงที่ 15-17 ปี แต่ตอนนั้นเขาก็หน้าเด็กพอที่จะรับบทเป็นทอม ริดเดิลช่วงวัยรุ่นได้สบาย ๆ แต่ด้วยอายุที่ล้ำเลยจากบทบาทไปค่อนข้างมาก ทำให้ในภาค ‘Harry Potter and the Half-Blood Prince’ (2009) ผู้กำกับอย่าง เดวิด เยตส์ (David Yates) เลยไม่ได้เรียกให้โคลสันที่อายุเข้าวัยเกือบเลข 3 แล้วกลับมาแสดงอีก และเลือก แฟรงก์ ดิลเลน (Frank Dillane) มารับบททอม ริดเดิลในวัย 16 ปีแทน
นอกจากนี้ ในฉาก Flashback ที่ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เดินทางไปพบทอม วัย 11 ขวบในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก่อนจะชักชวนให้เขาเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ ได้ ฮีโร ไฟนส์ ทิฟฟิน (Hero Fiennes Tiffin) วัย 9 ขวบมาแสดง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือลูกชายคนที่ 3 ของมาร์ธา ไฟนส์ (Martha Fiennes) น้องสาวของ เรล์ฟ ไฟนส์ (Ralph Fiennes) และมีศักดิ์เป็นหลานลุงของนักแสดงผู้รับบทลอร์ดโวลเดอร์มอร์ใน 4 ภาคต่อมานั่นเอง
ส่วนแม็กอะวอย หลังจากที่ปฏิเสธบทบาทในหนังแฟรนไชส์อันโด่งดัง เขาก็เริ่มมีผลงานการแสดงที่เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ บทบาทหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นที่จดจำก็คือการรับบทเป็นคุณทัมนัส อสูรครึ่งคนครึ่งแพะใน ‘The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe’ (2005) และมาเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกจากการรับบท ชาร์ลส์ เซเวียร์ วัยหนุ่มใน ‘X-Men: First Class’ (2011) ในเวลาต่อมา
แม็กอะวอยยังได้เล่าถึงช่วงเวลาที่เขาได้เข้าไปพูดคุยกับตัวแทนเกี่ยวกับบทบาทริดเดิล ที่ถูกเสนอด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนที่ รูธ ยัง (Ruth Young) ตัวแทนของเขาจะบอกกับเขาให้ปฏิเสธบทบาทนี้ไป “ผมเลยไปถามกับรูธ ยัง ที่เป็นตัวแทนของผมมาประมาณสัก… 24 หรือ 25 ปีนี่แหละว่า คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ เธอบอกกับผมว่า ห้ามเด็ดขาด อย่าทำแบบนั้นเลยนะ เราจะไปทำอย่างอื่นกันแทน”
“แล้วสุดท้ายผมก็เลยไปเล่นละครเวที (เรื่อง ‘Out In The Open’, 2001) แทน แล้วผมก็โดนสุภาพบุรุษที่เกลียดคนรักร่วมเพศโห่ไล่ด้วย ตอนนั้นผมได้ค่าจ้างประมาณ 275 ปอนด์ (368 เหรียญ) ต่อสัปดาห์ แต่ผมก็ไม่ได้เสียใจอะไร เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมกลายมาเป็นผมในทุกวันนี้ ผมได้ทำสิ่งนั้นและได้เรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้นจริง ๆ”