[รีวิว] Joker: Folie à Deux – เริงระบำในโรงละครอยุติธรรมแห่งชีวิต

Release Date

02/10/2024

ความยาว

138 นาที

แนวหนัง

มิวสิคัล ดรามา

ผู้กำกับ

ท็อดด์ ฟิลลิปส์

นักแสดง

วาคิน ฟีนิกซ์, เลดี้ กาก้า

[รีวิว] Joker: Folie à Deux – เริงระบำในโรงละครอยุติธรรมแห่งชีวิต
Our score
6.7

[รีวิว] Joker: Folie à Deux – เริงระบำในโรงละครอยุติธรรมแห่งชีวิต

เริงระบำในโรงละครอยุติธรรมแห่งชีวิต

'Joker Folie A Deux' ถือว่าเป็นหนังภาคต่อที่สานต่อเรื่องราวจากหนังภาคแรกและขยายผลลัพธ์การกระทำของอาเธอร์ เฟล็กซ์ได้อย่างครบถ้วน และมีฉากมิวสิคัลที่น่าตื่นตาตื่นใจแทรกตลอดเรื่อง แต่อาจจะไม่ได้ตอบสนองกับความคาดหวังของผู้ชมที่ต้องการโมเมนต์สุดช็อกหรือฉากที่แสดงความขบถของโจ๊กเกอร์ได้สะใจเท่าหนังภาคแรกสักเท่าไหร่ และความยาวหนัง 138 นาทีก็ท้าทายกับหนังตาของผู้ชมไม่น้อยเลยทีเดียว

จุดเด่น

  1. เสียงร้องสุดไพเราะของ วาคิน ฟีนิกซ์ คู่กับ เลดี้ กาก้า มาขับขานเพลงได้ไพเราะ หูเคลือบทอง
  2. งานภาพชวนว้าวมากโดยเฉพาะฉากเซอร์เรียลต่าง ๆ
  3. เลดี้ กาก้า กับ วาคิน ฟีนิกซ์ แสดงได้สมบทบาท

จุดสังเกต

  1. ตัวหนังวนเวียนกับฉากร้องเพลงและฉากศาล จนขาดความเข้นข้นในเรื่องราว
  2. ตัวละครโจ๊กเกอร์ ในหนังภาคนี้ดูห่างไกลจากวายร้ายตัวฉกาจของแบทแมน ซึ่งอาจทำลายความคาดหวังของแฟน ๆ ได้
  • บทภาพยนตร์

    6.0

  • นักแสดง

    7.0

  • โปรดักชัน

    8.0

  • ความบันเทิง

    6.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    6.5

5 ปีที่แล้ว ‘Joker’ เคยสร้างปรากฏการณ์พิเศษบางอย่างให้วงการภาพยนตร์ โดยเฉพาะการที่มันแหกกรอบของหนังจากคอมิกและคาแรกเตอร์ที่มีภาพจำชัดเจนอย่างโจ๊กเกอร์ในฐานะคู่อริของแบทแมน สู่การสร้างเรื่องราวดราม่าสุดสะเทือนใจจากฝีมือ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ (Todd Phillips) ผู้กำกับ ‘The Hangover’ ไตรภาคหนังตลกขี้เมาที่พิสูจน์ฝีมือแล้วว่าเขาสามารถกุมบังเหียนหนังดราม่าได้อย่างอยู่มือ และด้วยความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลในฐานะภาพยนตร์คุณภาพโครงการภาคต่อเลยไม่ใช่เรื่องยาก พร้อมเพิ่ม เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) ในบทฮาร์ลี ควินน์ ประกบ วาควิน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ที่กลับมารับบท อาร์เธอร์ เฟล็กซ์ หรือโจ๊กเกอร์อีกครั้ง

Major Cineplex logo
สนับสนุนโดย Major Cineplex

หลังก่อเหตุฆาตกรรม 5 ศพสุดสะเทือนขวัญ อาร์เธอร์ เฟล็กซ์ ต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในเรือนจำแบล็กเกตของก็อตแธม ในชีวิตประจำวัน เฟล็กซ์ ต้องรับยาในฐานะผู้ป่วยจิตเภท แต่ละวันเขาต้องกดเก็บยอมเป็นตัวตลกให้เหล่าผู้คุมสุดกักขฬะเพื่อเอาชีวิตรอด จนกระทั่งเขาได้พบกับ ฮาร์ลี ควินน์ ที่คลั่งไคล้ในวีรกรรมของโจ๊กเกอร์และทำให้เฟล็กซ์ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ในขณะที่การพิจารณาคดีขยับเข้ามาใกล้ทุกที ฮาร์ลีเริ่มปลุกความเป็นโจ๊กเกอร์ที่หลับใหลในตัวเฟล็กซ์มานานให้ตื่นขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงก็อตแธมอาจจะต้องเผชิญหน้ากับกลียุคอีกครั้งหนึ่ง

สิ่งที่ทำให้ ‘Joker: Folie à Deux’ เป็นการกลับมาที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้นการเดิมพันกับการเล่าเรื่องแบบมิวสิคัลจากไอเดียของ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ แต่แน่นอนว่าความเป็นมิวสิคัลในหนังแบบ ‘Joker’ คงหนีไม่พ้นการเป็นจินตนาการที่เฟล็กซ์ใช้หลบหนีจากชีวิตอันโหดร้าย และยิ่งเนื้อเรื่องของหนังภาคนี้แทบจะไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่าการทำให้เห็นว่าเฟล็กซ์ต้องต่อสู้เพื่อเลือกตัวตนใดตัวตนหนึ่งระหว่าง อาร์เธอร์ เฟล็กซ์ ที่เป็นเหยื่อของความอยุติธรรมในก็อตแธม กับ โจ๊กเกอร์ ขบถของสังคมที่เลือกยื่นความตายให้พวกผู้มีอำนาจที่ข่มเหงคนที่ด้อยกว่า

ดังนั้นทำใจก่อนว่าเราจะไม่เห็นความบัดซบของเฟล็กซ์ที่ถูกพิธีกรดังในรายการตลกย่ำยีศักดิ์ศรี หรือถูกพวกวัยรุ่นไล่กระทืบตัวตลกที่พยายามหาเงินเอาตัวรอดในสังคมเส็งเครงแบบหนังภาคแรกแล้ว โดยอุปสรรคเดียวที่ดูใกล้เคียงกับแรงกดดันสังคมที่สุดมาอยู่ในรูปของผู้คุมในเรือนจำแบล็กเกตอย่าง แจ็คกี้ ซัลลิแวน รับบทโดย เบรนแดน กลีสัน (Brendan Gleeson) ที่สร้างระบบอำนาจกดทับนักโทษในเรือนจำ และมองเฟล็กซ์ เป็นเหมือนเชื้อไฟที่จะโหมความวุ่นวายที่เขาควบคุมไม่ได้แต่น้ำหนักของบทบาทในเรื่องก็ไม่มากนักจนกลายเป็นว่าชะตากรรมของอาร์เธอร์ เฟล็กซ์ นอกคุกสร้างแรงสั่นสะเทือนภายในให้ผู้ชมมากกว่าภาคนี้

Bt Buzz รีวิว Joker Folie A Deux

แต่สิ่งที่หนังภาคนี้ชูเป็นไฮไลต์จริง ๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเฟล็กซ์ กับ ฮาร์ลี ควินน์ ที่ยอมรับเลยว่าการเปิดตัวของเรื่องราวในส่วนนี้สร้างความว้าวให้ผู้ชมได้ไม่น้อยทั้งฉากจุดไฟเผาในห้องฉายหนัง การตัดสลับกับฉากเซอร์เรียล (Surreal) ที่เป็นจินตนาการของเฟล็กซ์ว่าได้อยู่เคียงคู่กับควินน์แล้ว แถมยังได้เสียงร้องสุดไพเราะของ วาคิน ฟีนิกซ์ คู่กับ เลดี้ กาก้า มาขับขานเพลงที่ทั้งคุ้นหูอย่าง ‘To love somebody’ ของวง Bee Gees และเพลงคลาสสิกอีกเพียบถือเป็นโบนัสหูเคลือบทองให้ผู้ชมได้ดีเลยแหละ

แต่พอหนังพาเรื่องราวไปสู่การพิจารณาคดีในศาล ต้องยอมรับว่าการดำเนินเรื่องของหนังเริ่มก้ำกึ่งระหว่างการไม่พาผู้ชมกลับไปสำรวจเหตุการณ์ในหนังภาคแรกกับการพยายามทำให้เห็นอิทธิพลของควินน์ที่มีต่อ อาเธอร์ เฟล็กซ์ ซี่งในกรณีแรกยังพอเข้าใจได้เพราะเรื่องราวภาคนี้คือการค้นหาว่าแท้จริงแล้ว เฟล็กซ์ มีแนวโน้มเป็นจอมทำลายล้างและกลายเป็นคู่อริแบทแมนได้หรือไม่ ส่วนกรณีหลังต้องยอมรับว่าหนังเองก็ไม่ได้ให้เวลาหรือข้อมูลเกี่ยวกับควินน์สักเท่าไหร่

เราจะได้รู้จักควินน์ผ่านสายตาของเฟล็กซ์เท่านั้นเลยทำให้ตัวละครดูจะสำคัญน้อยลงตามเวลาที่หนังดำเนินเรื่องไปแถมยังเห็นตัวละครแค่ด้านเดียวคือการเป็นจอมยุยงและคลั่งรักแบบไม่มีเหตุมีผล แม้ว่าช่วงไคลแม็กซ์ของหนังจะมีความตูมตามและกระตุ้นเรื่องราวให้มีอะไรน่าตื่นเต้นขึ้นมาและแอบหวังจะได้เห็นโจ๊กเกอร์กับฮาร์ลีย์ ควินน์ร่วมกันเผาบ้านเผาเมืองก็อตแธมบ้าง แต่หนังก็เลือกให้ตอนจบหักหาญความคาดหวังผู้ชมแบบไม่รักก็เกลียดเลย ที่สำคัญคือยิ่งทำให้ตัวละครโจ๊กเกอร์ในหนังดูเป็นคนแปลกหน้าจากที่แฟน ๆ แบทแมนได้คาดหวังมาจากหนังภาคแรกโดยสิ้นเชิง

สรุปแล้ว ‘Joker: Folie à Deux’ ถือว่าเป็นหนังภาคต่อที่สานต่อเรื่องราวจากหนังภาคแรกและขยายผลลัพธ์การกระทำของอาเธอร์ เฟล็กซ์ได้อย่างครบถ้วน และมีฉากมิวสิคัลที่น่าตื่นตาตื่นใจแทรกตลอดเรื่อง แต่อาจจะไม่ได้ตอบสนองกับความคาดหวังของผู้ชมที่ต้องการโมเมนต์สุดช็อกหรือฉากที่แสดงความขบถของโจ๊กเกอร์ได้สะใจเท่าหนังภาคแรกสักเท่าไหร่ และความยาวหนัง 138 นาทีก็ท้าทายกับหนังตาของผู้ชมไม่น้อยเลยทีเดียว

Bt Buzz รีวิว Joker Folie A Deux