Warner Bros. ได้แสดงความเชื่อมั่นใน ‘Joker: Folie á Deux’ อย่างสูง โดยให้ทุนสร้างไปมหาศาลถึง 200 ล้านเหรียญ ต่างจากที่ ‘Joker’ (2019) ใช้ทุนสร้างไปเพียง 55 ล้านเหรียญ พร้อมทั้งเสี่ยงใส่องค์ประกอบแบบมิวสิคัลลงไป ซึ่งอาจไม่ถูกใจผู้ชมในวงกว้างมากนัก
ล่าสุด แมตต์ เบลโลนี (Matt Belloni) จาก Puck ได้เปิดเผยว่า Warner Bros. อาจมั่นใจใน ‘Joker: Folie á Deux’ มากเกินไป โดยได้ปฏิเสธการฉายรอบทดสอบเพื่อฟังกระแสตอบรับจากผู้ชมเสียก่อน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงทั้งที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดของสตูดิโอในปี 2024 นี้
นอกจากองค์ประกอบด้านมิวสิคัลแล้วนั้น ผมยังได้ทราบมาว่า Warner Bros ได้ปฏิเสธการฉาย 'Joker: Folie á Deux' รอบทดสอบเพื่อฟังกระแสตอบรับจากผู้ชม ก่อนที่ผู้กำกับ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ (Todd Phillips) จะเห็นชอบให้นำเวอร์ชันนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ นี่เป็นเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดของตนในปี 2024 นี้
แม้ว่าการฉายรอบทดสอบจะมิใช่การการันตีว่าภาพยนตร์จะประสบความสำเร็จ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สตูดิโอใช้ในการฟังเสียงผู้ชมในวงกว้าง เพื่อให้ผู้สร้างได้ปรับบางฉากให้เข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงกระแสด้านลบที่จะส่งผลกระทบต่อรายได้ต่อไป
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน คือการฉายรอบทดสอบ ‘Fatal Attraction’ (1987) ของผู้กำกับ เอเดรียน ลิน (Adrian Lyne) ที่ได้กระแสตอบรับในแง่ลบเป็นอย่างมาก จนทำให้สตูดิโอตัดสินใจเปลี่ยนตอนจบ ซึ่งทำให้ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์
ในตอนนี้ ‘Joker: Folie à Deux’ เปิดตัวได้ไม่ร้อนแรงอย่างที่ Warner Bros. คาดหวังไว้ โดยทำรายได้ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2024 ไปเพียง 7 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยว่าที่ ‘Joker’ ได้ไว้ถึง 50% กอปรกับได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes จากนักวิจารณ์จำนวน 242 คน ไปเพียง 33% และจากผู้ชมจำนวนมากกว่า 1,000 คน เพียง 33% เท่านั้น
อย่างไรก็ดี สตูดิโอคาดว่า ‘Joker: Folie à Deux’ จะทำรายได้เปิดตัวทั่วโลก 3 วันแรก ประมาณ 140 ล้านเหรียญ ในขณะที่ตัวภาพยนตร์ต้องทำรายได้ถึงหลัก 400 – 500 ล้านเหรียญ เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุน