อัล ปาชิโน (Al Pacino) นักแสดงระดับขึ้นหิ้งวัย 84 ปี ได้ใหัสัมภาษณ์กับ The New York Times เกี่ยวกับอาชีพนักแสดงของเขา โดยปาชิโนได้เปิดเผยถึงเมื่อครั้งที่สถานะทางการเงินของเขาย่ำแย่มาก จนต้องตัดสินใจร่วมแสดงใน ‘Jack and Jill’ (2011) ภาพยนตร์คอเมดีที่สร้างโดย อดัม แซนด์เลอร์ (Adam Sandler)

ผมคิดว่าควรเริ่มที่ 'Jack and Jill' ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกมาก เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมจำเป็นต้องตัดสินใจร่วมแสดง เพราะผมถังแตก นักบัญชีของผมถูกจำคุก และผมจำเป็นต้องหาบางอย่างทำโดยเร็วที่สุด ผมจึงได้รับบทนี้

เขาได้กล่าวเสริมว่า

มีอยู่ฉากหนึ่งที่พวกเขาให้ผมเล่นโฆษณา ดังกิ้นโดนัท (Dunkin' Donuts) ในภาพยนตร์ ซึ่งสิ่งที่มันตลกคือ ผู้คนคิดว่าโฆษณาที่ผมเล่นนั้นเป็นของจริง

ท้ายที่สุด ปาชิโนได้รับรางวัล Razzie Awards (งานประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดแย่ที่จัดขึ้นเพื่อหยอกล้อก่อนประกาศผลรางวัลออสการ์) ถึง 2 สาขา จาก ‘Jack and Jill’ ได่แก่ นักแสดงสมทบชายยอดแย่ และการแสดงคู่บนจอยอดแย่

ในขณะที่ตัวภาพยนตร์นั้นก็เป็นดาวเด่นในงานนี้เช่นกัน โดยคว้าไปทั้ง ภาพยนตร์ยอดแย่, ภาพยนตร์ภาคต่อ รีเมก หรือภาคแยกยอดแย่, ผู้กำกับยอดแย่, นักแสดงนำชายยอดแย่, นักแสดงนำหญิงยอดแย่, นักแสดงสมทบหญิงยอดแย่, ทีมนักแสดงยอดแย่ และบทภาพยนตร์ยอดแย่

Al Pacino in Jack and Jill

ปาชิโนเป็นหนึ่งในนักแสดงอาวุโสของฮอลลีวูดที่มีโปรไฟล์อันยอดเยี่ยมเทียบเคียง รอเบิร์ต เดอ นิโร (Robert De Niro) ที่มีชื่อเสียงมาพร้อมกัน โดยปาชิโนเน้นแสดงในบทดราม่าที่มีความเข้มข้นสูง ไม่ว่าจะเป็น ‘The Godfather’ (1972), ‘Serpico’ (1973), ‘The Godfather Part II’ (1974), ‘Dog Day Afternoon’ (1975), ‘Scarface’ (1983), ‘Scent of a Woman’ (1992), ‘Carlito’s Way’ (1993), ‘Heat’ (1995) ซึ่งเขาได้แสดงรวมกับเดอ นิโร ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ, ‘Donnie Brasco’ (1997), ‘The Insider’ (1999) และ ‘Any Given Sunday’ (1999)

เขาได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก ‘Scent of a Woman’ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอีก 8 ครั้ง จาก The Godfather’, ‘Serpico’, ‘The Godfather Part II’, ‘Dog Day Afternoon’, And Justice for All’ (1979), ‘Dick Tracy’ (1990), ‘Glengarry Glen Ross’ (1992) และ ‘The Irish Man’ (2019)