The Hollywood Reporter ได้รายงานยืนยันว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ยังคงร่วมงานกับ Universal ต่อไปในโปรเจกต์ใหม่ โดยกำลังเจรจาให้ แมตต์ เดมอน (Matt Damon) ที่รับบทสมทบใน ‘Oppenheimer’ (2023) ของโนแลน มารับบทนำ และวางกำหนดฉายในวันที่ 17 กรกฎาคม 2026

โนแลนได้แยกทางกับ Warner Bros. ภายหลังจากกรณีขัดแย้งที่สตูดิโอนำ ‘Tenet’ (2020) เข้าฉายบนบริการสตรีมมิง HBO Max พร้อมกับในโรงภาพยนตร์ช่วง Covid-19 ระบาด โดยผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ ได้หันไปร่วมงานกับ Universal ใน ‘Oppenheimer’ (2023) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 975.6 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 180 ล้านเหรียญ

‘Oppenheimer’ ยังคว้า 7 รางวัลออสการ์มาครอง ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (โนแลน), นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (คิลเลียน เมอร์ฟี; Cillian Murphy), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์; Robert Downey Jr.), กำกับภาพยอดเยี่ยม (โฮยต์ ฟาน โฮยต์มา; Hoyte Van Hoytema), ดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม (ลุดวิก เยอรันส์ซอน; Ludwig Göransson) และลำดับภาพยอดเยี่ยม

Oppenheimer
คริสโตเฟอร์ โนแลน ระหว่างกำกับ คิลเลียน เมอร์ฟี ใน ‘Oppenheimer’

โปรเจกต์ใหม่ของโนแลนนี้เป็นของ Universal โดยตรง ต่างจาก ‘Oppenheimer’ ที่สตูดิโอได้แข่งประมูลมา และยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจกต์ใหม่นี้ให้ทราบมากนัก โดยแหล่งข่าววงในอ้างว่าจะดัดแปลงจากซีรีส์ ‘The Prisoner’ ของอังกฤษที่ฉายระหว่างปี 1967 – 1968 ซึ่งโนแลนเคยพยายามผลักดันโปรเจกต์นี้เมื่อยุค 2000s ที่ผ่านมา

ด้วยความที่โนแลนนั้น เป็นผู้กำกับที่มีศักยภาพในการสร้างภาพยนตร์ระดับปรากฏการณ์ที่ได้ทั้งเงินและรางวัลอย่างต่อเนื่อง เช่น ‘Inception’ (2010) ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป 828.3 ล้านเหรียญ และคว้า 4 รางวัลออสการ์, ‘The Dark Knight’ (2008) ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป 1,084 ล้านเหรียญ และคว้า 2 รางวัลออสการ์ และ ‘Dunkirk’ (2017) ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป 526 ล้านเหรียญ และคว้า 2 รางวัลออสการ์ เป็นต้น ซึ่งทำให้ Universal คาดหวังในโปรเจกต์ใหม่ของโนแลนนี้ค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ดี โนแลนเคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาว่า เขายังเปิดกว้างที่จะกลับไปร่วมงานกับ Warner Bros. อีกครั้ง