‘The Lovely Bones’ (2009) ผลงานหนังดราม่าทริลเลอร์แฟนตาซีฟอร์มเล็ก ดัดแปลงจากนวนิยายของ อลิซ ซีโบลด์ (Alice Sebold) กำกับโดยปีเตอร์ แจ็กสัน (Peter Jackson) ที่เขากำกับและเขียนบทร่วมกับภรรยา ฟราน วอลซ์ (Fran Walsh) และ ฟิลิปปา โบเยนส์ (Philippa Boyens) จากไตรภาค ‘The Lord of the Rings’
‘The Lovely Bones’ ว่าด้วยเรื่องราวของซูซี แซลมอน เด็กหญิงวัย 14 ปีที่ถูกคุณลุงข้างบ้านก่อเหตุฆาตกรรม จนทำให้วิญญาณของเธอติดอยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์ เธอจึงพยายามสื่อสารข้ามภพกับพ่อเพื่อบอกใบ้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้าย ให้กำลังใจคนที่ยังอยู่ และทำความเข้าใจโลกที่เธอจากมาอย่างกะทันหัน
แม้ตัวหนังจะได้ผู้กำกับระดับแจ็กสันมากำกับ ได้นักแสดงชั้นนำมาร่วมงาน พร้อมกับงานโปรดักชันและ CGI ที่สามารถเนรมิตภาพออกมาได้อย่างสวยงามอลังการสมฐานะผู้กำกับหนังแฟนตาซี รวมทั้ง สแตนลีย์ ทุชชี (Stanley Tucci) เจ้าของบท จอร์จ ฮาร์วีย์ คุณลุงฆาตกรต่อเนื่องที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ แต่หนังก็ต้องพบกับผิดหวังทั้งในแง่กระแสและรายได้ จากทุนสร้าง 65 ล้านเหรียญ สามารถทำรายได้ไปเพียงแค่ 93 ล้านเหรียญ แถมพอแจ็กสันกลับไปจับงานฟอร์มยักษ์กับไตรภาค ‘The Hobbit’ ก็ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา
ในหนัง นอกจากซูซี ที่รับบทโดย เซอร์ชา โรนัน (Saoirse Ronan) วัย 14 ปีในขณะนั้นจะถือว่าโดดเด่นแล้ว มาร์ก วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) ก็สามารถรับบท แจ็ก แซลมอน พ่อผู้สูญเสียลูกสาวได้อย่างเข้าถึงเช่นเดียวกัน ซึ่งแต่เดิมบทนี้ไม่ได้เป็นของวอห์ลเบิร์ก แต่เป็นของนักแสดงที่หนุ่มกว่านี้อย่าง ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) แต่สุดท้ายด้วยความขัดแย้งไม่ลงตัวเกี่ยวกับบทและคาแรกเตอร์ ทำให้แจ็กสันตัดสินใจถอดกอสลิงออกไปจากหนัง
โรนันได้ให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ Happy Sad Confused โดยเธอได้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงนักแสดงผู้ที่จะรับบทเป็นพ่อของเธอเพียงไม่กี่วันก่อนการถ่ายทำ ซึ่งแม้ว่าเธอจะสนิทสนมกับกอสลิงที่เตรียมรับบทบาทนี้อย่างเต็มที่ และรู้สึกเสียใจกับการเปลี่ยนแปลงอันกะทันหัน แต่เธอก็มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว
“ตัวฉันเองรักไรอันกับจอร์จ หมาของเขานะคะ และฉันเองก็เศร้ามากที่รู้ว่าเขาจะไม่ได้มากองถ่ายอีกแล้ว แต่ฉันคิดว่าเหตุผลที่พวกเขา (กอสลิงและแจ็กสัน) ขัดแย้งกันมันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ฉันเองเคยได้พูดคุยกับทั้งคู่แล้ว เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นได้ค่ะ เข้าใจความหมายของฉันไหมคะ คือบางครั้งของแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวเสมอไป บางครั้งคุณก็แค่ไม่ได้อยู่ในจุดที่เข้าใจตรงกัน”
เดิมทีแล้วกอสลิง นักแสดงหนุ่มที่แจ้งเกิดครั้งแรกจากการรับบทใน ‘The Notebook’ (2004) ถูกวางให้มารับบท แจ็ก แซลมอน พ่อผู้มุ่งมั่นในการตามหาเบาะแสคดีฆาตกรรมลูกสาววัยรุ่น แต่เขากลับถูกแจ็กสันไล่ออกหลังจากเริ่มการถ่ายทำได้ไม่นาน สาเหตุก็เพราะว่าความเข้าใจในคาแรกเตอร์ของแจ็กระหว่างแจ็กสันกับกอสลิงที่ไม่ตรงกัน
สิ่งที่เขาทำตอนนั้นก็คือ เขาตัดสินใจเพิ่มน้ำหนักที่สมส่วนประมาณ 149 ปอนด์ หรือประมาณ 68-70 กิโลกรัม ด้วยการดื่มไอศกรีม Häagen-Dazs ที่ละลายแล้วแก้กระหายแทนน้ำเปล่า และไว้หนวดเคราอย่างที่เขาตั้งใจไว้ จนทำให้น้ำหนักตัวของเขาเพิ่มขึ้นกว่า 60 ปอนด์ (27 กิโลกรัม) เพื่อทำน้ำหนักของเขาให้ไปถึง 210 ปอนด์หรือ 95 กิโลกรัมอย่างที่ตั้งใจ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาคิดและทำด้วยตัวเองโดยไม่ยอมปรึกษากับแจ็กสันก่อน
จนกระทั่งเมื่อเริ่มการถ่ายทำ กอสลิงแบกน้ำหนัก 210 ปอนด์พร้อมกับหนวดเคราเฟิ้มไปยังกองถ่าย แต่กลายเป็นว่าแจ็กสันและเหล่าโปรดิวเซอร์กลับตกใจในรูปลักษณ์ของเขาที่ดูผิดไปจากคาแรกเตอร์ แจ็ก แซลมอนอย่างที่เขาตั้งใจ และจะให้กลับไปลดน้ำหนักก็ไม่ทันแล้ว แจ็กสันจึงตัดสินใจไล่เขาออกไปจากหนัง ก่อนที่จะได้วอห์ลเบิร์ก คุณพ่อลูก 4 ที่มีวัยและวุฒิภาวะตรงกับคาแรกเตอร์มากกว่ามารับบทนี้แทน
กอสลิงได้เปิดเผยถึงความรู้สึกของเขาตอนนั้นกับ The Hollywood Reporter ว่า “เราไม่ได้คุยกันมากพอตอนระหว่างขั้นตอนการถ่ายทำครับ ซึ่งมันก็เป็นปัญหาเหมือนกันนะ มันเป็นหนังใหญ่ มีอะไรหลายอย่างที่ต้องจัดการ ซึ่งเขาเองก็คงไม่สามารถมานั่งจัดการกับนักแสดงเป็นรายคนได้ ผมไปปรากฏตัวในรูปลักษณ์แบบนั้นเพราะความเข้าใจผิด ตอนนั้นผมก็เลยกลายเป็นคนอ้วนที่ตกงาน”
ในขณะที่วอลช์ ภรรยาของแจ็กสัน โปรดิวเซอร์และผู้เขียนบทร่วมได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า กอสลิงเคยมาพูดคุยกับเธอและทีมงานแล้ว 2-3 ครั้ง เพราะมองว่าตัวของเขาที่อายุเพียง 27 ปี ยังเด็กเกินไปที่จะรับบทพ่อของลูกสาววัยรุ่น ในเวลานั้นเธอจึงเสนอว่าจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาดูมีอายุมากขึ้นให้ได้ แต่สุดท้ายกอสลิงก็ไม่ได้ร่วมงานกับหนังเรื่องนี้เพราะความกังวลใจของตัวนักแสดงเอง
ในขณะที่วอห์ลเบิร์กเองที่ได้เข้ามารับบทนี้อย่างกะทันหัน ก็สามารถเข้ามารับบทนี้ได้อย่างสมจริง เพราะด้วยความที่วอห์ลเบิร์กอายุมากกว่ากอสลิงประมาณ 10 ปี และยังเป็นพ่อของลูกสาวและลูกชายรวมทั้งหมด 4 คน และด้วยความที่เขาต้องรับบทบาทที่ตรงกับชีวิตจริง บทบาทนี้ก็ทำให้เขาอินจัดถึงขั้นทำให้เขาระมัดระวังในการเลี้ยงลูกมากขึ้นและคอยสั่งสอนว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้าเป็นอันขาด
แม้แต่โรนันเองก็เปิดเผยในบทสัมภาษณ์ว่า การได้วอห์ลเบิร์กมารับบทเป็นพ่อนั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า “ที่ฉันจะบอกก็คือ อย่างที่คุณรู้ค่ะ มาร์กสามารถเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ เพราะว่าเขาเป็นพ่อ เขาเป็นพ่อของลูก ๆ น่าจะประมาณ 3 คนได้มั้ง ? เขาอาจเคยมีประสบการณ์อะไรทำนองนั้นที่ไรอันเองก็รู้สึกว่าเขาไม่เคยมี ไรอันตอนนั้นอายุแค่ 27 ปี เขายังเด็กมาก ๆ “
แต่ในอีกหลายปีต่อมา โรนันและกอสลิงก็ได้กลับมาร่วมงานกันจริง ๆ เป็นครั้งแรกในหนังทริลเลอร์แฟนตาซีนอกกระแสเรื่อง ‘Lost River’ (2014) ซึ่งเป็นผลงานการเขียนบทและกำกับครั้งแรกของกอสลิง โดยเธอได้มีโอกาสร่วมแสดงกับนักแสดงสาวอีกคนอย่าง อีวา เมนเดส (Eva Mendes) ภรรยาของกอสลิงด้วย
ซึ่งโรนันได้เผยความรู้สึกในการได้ร่วมงานกับกอสลิงในครั้งนั้นว่า “การได้ร่วมงานกับเขาในตอนหลังถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ และเขาก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย”