ในบรรดาหนังแอ็กชันสายลับของฮอลลีวูด แฟรนไชส์หนังที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ชมชุดหนึ่งก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของสายลับ เจสัน บอร์น จากแฟรนไชส์ Bourne ที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จด้วยการพลิกโฉมจากหนังสายลับแฟนตาซีฝีมือเทพ สู่โลกของการต่อสู้แบบดิบเดือดสมจริงของชายนิรนามความจำเสื่อมที่ต้องออกตามหาตัวตนในฐานะของสายลับและนักสังหาร ซึ่งได้รับความนิยมถึงขั้นกลายเป็นเทรนด์หนังที่แฟรนไชส์อื่นยังต้องขอทำตาม
จนกระทั่งหลังจาก ‘Jason Bourne’ (2016) ที่ได้กระแสก้ำกึ่งและทำรายได้ไม่เข้าเป้า แม้จะได้ แมตต์ เดมอน (Matt Damon) กลับมารับบทเดิมก็ตาม ทำให้เรื่องราวของสายลับบอร์นห่างหายไปจากฮอลลีวูดนับตั้งแต่นั้น นอกจากแฟน ๆ หนังชุดนี้ที่อยากจะเห็นแฟรนไชส์นี้กลับมาอีกครั้ง คนที่คาดไม่ถึงว่าเป็นแฟนคลับที่อยากเห็นสายลับ เจสัน บอร์น ออกมาวาดลีลาอีกครั้งก็คือ เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ (William, Prince of Wales) นั่นเอง
เว็บไซต์ The Times ได้รายงานว่า เจ้าชายวิลเลียม ในฐานะองค์ประธานของสถาบันศิลปะภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งอังกฤษ (British Academy of Film and Television Arts – BAFTA) เสด็จมายังสำนักงานใหญ่ของ BAFTA ณ กรุงลอนดอน ในวาระที่ BAFTA และ Royal African Society ร่วมกันจัดตั้งกองทุน Prince William BAFTA Bursary เป็นกองทุนเพื่อให้การช่วยเหลือเยาวชนจากกลุ่มด้อยโอกาสในการพัฒนาวิชาชีพในวงการภาพยนตร์ เกม และโทรทัศน์ในทุก ๆ ปี สูงสุดรายละ 2,000 ปอนด์
โดยในระหว่างที่เจ้าชายวิลเลียมทรงมีพระปฏิสันถารกับเยาวชนผู้ที่ได้รับทุน กรีนกราสในฐานะผู้ที่มอบทุนการศึกษาก้อนแรกให้กับโครงการมาตั้งแต่ปี 2021 ก็ได้มีโอกาสสนทนากับเจ้าชายวิลเลียมในงานนี้ด้วยเช่นกัน โดยพระองค์ได้ตรัสกับกรีนกราส ผู้กำกับชาวอังกฤษที่เคยนั่งแท่นกำกับหนังสายลับบอร์นถึง 3 ภาคว่า “ทำหนังบอร์นอีกสักภาคได้ไหม ? ” ส่วนกรีนกราสได้แต่เพียงหัวเราะและส่ายหัวตอบกลับพระองค์
ภายหลังกรีนกราสได้เปิดเผยกับ The Independent ถึงโมเมนต์ที่เขาถึงกับหัวเราะและส่ายหัวเมื่อได้ยินสิ่งที่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “มันคงไม่ใช่ผมหรอกครับ พวกเขาน่าจะต้องการใครสักคนที่อายุน้อยกว่านี้มาทำ ผมได้ทำหน้าที่ของผมไปแล้ว และผมหวังว่าพวกเขาจะหาใครที่ฝีมือเยี่ยมและอายุน้อยกว่ามาทำแทน ผมคิดว่าพวกเขาก็น่าจะอยู่ในระหว่างการค้นหากันอยู่นะ”
Jason Bourne เป็นแฟรนไชส์หนังสายลับที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่องดังของ โรเบิร์ต ลัดลัม (Robert Ludlum) โดยที่ผ่านมามีการนำมาดัดแปลงเป็นหนัง 5 ภาค ตั้งแต่ ‘The Bourne Identity’ (2002) ที่ได้ ดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) มากำกับ และได้เดมอนมารับบทสายลับบอร์น จนกระทั่งมีการสร้างภาคต่อ ‘The Bourne Supremacy’ (2004) และ ‘The Bourne Ultimatum’ (2007) ที่ได้กรีนกราสมากำกับ
จนกระทั่งเดมอนที่ไม่พอใจในบทภาค Ultimatum เลยตัดสินใจถอนตัวและไม่ยอมไปต่อกับแฟรนไชส์ไปเสียดื้อ ๆ จนต้องหันไปเล่าเรื่องภาคแยกใน ‘The Bourne Legacy’ (2012) โดยได้ โทนี กิลรอย (Tony Gilroy) ผู้เขียนบทร่วมจากทุกภาคขึ้นมากำกับ และเล่าเรื่องผ่านตัวละคร อารอน ครอส สมาชิกของโครงการปฏิบัติการลับ Operation Outcome ที่แสดงโดย เจเรมี เรนเนอร์ (Jeremy Renner) แทน โดยภาคนี้ทำรายได้ไปพอประมาณ กับคำวิจารณ์ที่อยู่ในระดับก้ำกึ่ง
Universal Pictures จึงต้องยอมกลับไปตามเดมอน รวมทั้งกรีนกราสกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งจนได้ออกมาเป็น ‘Jason Bourne’ (2016) หนังภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ ที่แม้จะได้เดมอนกลับมา และทำให้แฟรนไชส์นี้ทำรายได้ทั่วโลกทุกภาครวมกันมากกว่า 1,600 ล้านเหรียญ แต่ด้วยความนิยมที่มีต่อสายลับบอร์น รวมถึงความสดใหม่ที่เริ่มเสื่อมถอย ก็ทำให้ภาคนี้ได้เสียงวิจารณ์ก้ำกึ่ง และทำรายได้น้อยที่สุดในแฟรนไชส์จนไม่มีการสร้างหนังภาคใหม่ออกมาอีกเลย ส่วนซีรีส์ภาคแยกอย่าง ‘Treadstone’ (2019) ก็ไปไม่รอด โดนยกเลิกการสร้างหลังฉายไปเพียงซีซันเดียวอีกเช่นกัน
จนกระทั่งในปี 2020 แฟรงก์ มาร์แชล (Frank Marshall) โปรดิวเซอร์ของแฟรนไชส์นี้ได้ออกมาเปิดเผยว่า Universal Pictures กำลังต้องการจะพัฒนาหนังสายลับบอร์นภาคใหม่ ซึ่งจะเป็นภาคที่ 6 ของแฟรนไชส์ และต้องการหาผู้กำกับคนใหม่มาทำงานต่อด้วย เพราะกรีนกราสเองก็เคยลั่นวาจาไว้ว่าไม่ต้องการจะกลับมากำกับแฟรนไชส์นี้อีกแล้ว ส่วนเดมอนเองก็เคยเปรย ๆ เอาไว้ว่าเขาเองก็ไม่ยอมกลับมาเช่นกันหากไม่ได้กรีนกราสกลับมาทำงานร่วมกันด้วย
จนกระทั่งเรื่องเริ่มชัดเจนขึ้น ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 มีรายงานออกมาว่า Universal Pictures กำลังจะพัฒนาภาคที่ 6 ของหนังสายลับบอร์นอยู่ โดยจะได้ เอ็ดเวิร์ด เบอร์เกอร์ (Edward Berger) ผู้กำกับหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ‘All Quiet on the Western Front’ (2022) เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมมานั่งแท่นกำกับ
โดย ณ ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางไหน เพราะกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาเบื้องต้นโดยที่ยังไม่มีบทในมือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือการค้นหามือเขียนบท และวางแผนในการค้นหานักแสดงที่จะมารับบทสายลับ เจสัน บอร์น ซึ่งตามรายงานระบุว่า สตูดิโอต้องการจะเจรจาให้เดมอนกลับมารับบทเดิมอีกครั้ง หรือไม่ก็หานักแสดงคนใหม่มารับบทนี้ในกรณีที่เดมอนปฏิเสธ เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าตอนนี้เดมอนอายุย่างเข้า 54 กะรัตเข้าไปแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าความหวังที่จะได้เห็นเขากลับมาโลดแล่นในแฟรนไชส์นี้จะยังไม่ริบหรี่เสียทีเดียว เพราะเดมอนเคยให้สัมภาษณ์ในเชิงแบ่งรับแบ่งสู้ในรายการ The Late Show with Stephen Colbert เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมาว่า
“มีผู้กำกับที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งครับ เขาชื่อ เอ็ดเวิร์ด เบอร์เกอร์ และ ‘All Quiet on the Western Front’ ไม่รู้ว่าคุณได้ดูหรือยัง มันเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมาก ตัวเขาที่เป็นผู้กำกับชาวเยอรมันก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เขาเคยบอกผมว่าเขามีไอเดียสำหรับ (หนัง Bourne) ผมเองอยากร่วมงานกับเขามาก เขากำลังทำงานอยู่ ผมเองก็ใจจดใจจ่อเหมือนกับคุณ ที่จะได้เห็นว่าสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ไหม ผมหวังว่าเราจะทำได้และมันจะออกมายอดเยี่ยม”
“คือพอถึงจุดหนึ่ง ก็คงต้องมีคนที่เข้ามารับช่วงต่อไปนั่นแหละครับ เพราะผมเองก็ไม่ใช่หนุ่ม ๆ แล้วด้วย”