นักแสดงสาว โซอี ซัลดานา (Zoe Saldaña) น่าจะเป็นนักแสดงสาวที่เคยร่วมงานในแฟรนไชส์หนังฟอร์มยักษ์มากที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด เพราะเธอเริ่มต้นแจ้งเกิดในวงการด้วยการรับบทเป็น อนามาเรีย โจรสลัดหญิงใน ‘Pirates of the Caribbean’ รับบทเป็นกาโมรา 1 ในสมาชิกแก๊งเกรียน ‘Guardians of the Galaxy’ ในจักรวาล MCU รับบทเป็น นโยตา อูฮูรา ใน ‘Star Trek’ (2009) ฉบับรีบูตของ เจเจ แอบรัมส์ (J.J. Abrams) และรับบทเป็นเนย์ทีรี ชาวนาวีจากแฟรนไชส์ ‘Avatar’ ของ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron)

แต่แม้ว่าเธอจะเคยร่วมงานกับหนังฟอร์มยักษ์ระดับบล็อกบัสเตอร์มากมาย แต่ใช่ว่าเธอจะมีความประทับใจในการร่วมงานกับหนังฟอร์มยักษ์มาตั้งแต่แรก ในวาระที่เธอร่วมสนทนาในเทศกาลภาพยนตร์ลอนดอนของสถาบันภาพยนตร์อังกฤษ (BFI London Film Festival) หลังการฉายภาพยนตร์ตลกอาชญากรรมมิวสิคัล ‘Emilia Pérez’ ผลงานการแสดงเรื่องล่าสุด ซัลดานาได้เปิดเผยถึงความรู้สึกแย่ที่เธอได้รับจากการถ่ายทำหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรกในชีวิตของเธออย่าง ‘Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl’ (2003) จนทำให้เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหนังฟอร์มยักษ์อีกต่อไป

Zoe Saldana Pirates of the Caribbean The Curse of the Black Pearl

“ด้วยประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้ฉันรู้เลยค่ะว่าอยากจะทำงานกับคนประเภทไหน 99% เปอร์เซ็นต์ของทีมงานและนักแสดงในตอนนั้นยอดเยี่ยมมากนะคะ แต่กับสตูดิโอ ผู้อำนวยการสร้าง และผู้กำกับล้วนแต่เป็นผู้นำที่ไม่ได้มีความเมตตา การมีสติและพิจารณาตัวเองเลย สิ่งเหล่านั้นมันทำให้การผลิตขนาดใหญ่แบบนี้เต็มไปด้วยประสบการณ์แย่ ๆ ได้เลยนะ และมันอาจทำให้คุณรู้สึกยอมแพ้ได้ และฉันก็เคยเกือบจะเป็นแบบนั้นแล้วเหมือนกัน”

เธอเคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ในการสัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter เช่นเดียวกัน

“พวกเขาไม่ได้เป็นคนที่ฉันรู้สึกโอเคด้วยน่ะ ฉันไม่ได้พูดถึงนักแสดงนะ นักแสดงทุกคนยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันพูดเรื่องของการเมืองที่เกิดขึ้นในเบื้องหลัง มันมีความขัดแย้งระหว่างคนตำแหน่งสูงกว่ากับคนที่ตำแหน่งต่ำกว่า นักแสดงสมทบกับนักแสดงหลัก โปรดิวเซอร์กับผู้ช่วยส่วนตัว มันเป็นเรื่องของชนชั้น ตอนนั้นฉันอายุ 23 ปี และก็เกือบจะเลิกทำงานในวงการนี้เพราะรู้สึกว่า ‘ช่างแ-่ง !’ ฉันจะไม่ยอมให้ตัวฉันเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว ผู้คนไม่ให้เกียรติฉัน เพียงเพราะเห็นลำดับรายชื่อนักแสดงและคิดว่าฉันไม่สำคัญ ช่างแ-่งพวกเขาเถอะ”

“มันเป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกของฉันกับหนังฮอลลีวูดขนาดใหญ่ที่มีนักแสดงหลายคน โปรดิวเซอร์หลายคน และทีมงานมากมาย เราถ่ายทำในสถานที่ต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมบางครั้งก็ไม่เป็นใจให้กับวันที่เราถ่ายทำเอาซะเลย ฉันเองยังเด็กมาก และมันก็ดูยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับฉัน และอีกทั้งจังหวะการทำงานก็ดูจะค่อนข้างเร็วเกินไป ฉันเดินออกมาโดยที่ไม่ได้มีประสบการณ์โดยรวมที่ดีมากนัก ฉันเหมือนกับหลงทางอยู่ในงานที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และรู้สึกว่านั่นไม่โอเคเลย”

ซัลดานาเองเคยเล่าถึงความรู้สึกไม่ประทับใจในการทำงานหนังเรื่องนี้เอาไว้กับ Entertainment Weekly ซึ่งทำให้เธอถึงกับเข็ดขยาดและไม่กล้ารับงานหนังฟอร์มยักษ์ รวมถึงไม่ยอมกลับมาในแฟรนไชส์นี้อีก (และทำให้ตัวละครอนามาเรียไม่ได้กลับมาในภาคอื่น ๆ อีกเลย) แต่สิ่งหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนความคิดของเธอก็คือหลังจากที่ เจอร์รี บรักไฮเมอร์ (Jerry Bruckheimer) โปรดิวเซอร์ของแฟรนไชส์ก็ได้มีโอกาสขอโทษเธอเป็นการส่วนตัว

“หลายปีต่อมา ฉันได้มีโอกาสพบกับ เจอร์รี บรักไฮเมอร์ เขาได้ขอโทษฉันที่ฉันเคยมีประสบการณ์แบบนั้น เพราะเขาอยากให้ทุกคนมีประสบการณ์ที่ดีภายในโปรเจกต์ของเขาจริง ๆ นั่นทำให้ฉันประทับใจมาก ๆ เพราะเขาจำได้ว่าฉันเคยพูดถึงเรื่องนี้ตอนช่วงโปรโมตหรือกิจกรรมที่ฉันเคยเข้าร่วมเมื่อหลายปีก่อน และเขารู้สึกว่าต้องหยิบเรื่องนี้มาและรับผิดชอบมัน”

“สำหรับฉัน ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา การได้รับการเป็นที่สนใจและได้ยินในฐานะศิลปิน หรือแม้แต่ในฐานะบุคคล มันเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างมาก”

Tom Hanks Zoe Saldana The Terminal

ต่อมา ซัลดานาได้รับงานแสดงในหนังฮอลลีวูดฟอร์มปานกลางอีกเรื่อง ซึ่งหนังเรื่องนั้นก็คือ ‘The Terminal’ (2004) หนังคอเมดีดราม่าฟอร์มเล็ก ๆ ผลงานการกำกับของ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ว่าด้วยเรื่องของ วิกเตอร์ นาวอร์สกี นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องดิดอยู่ภายในสนามบินในนิวยอร์ก นำแสดงโดยทอม แฮงส์ (Tom Hanks) และแคทเธอรีน ซีตา-โจนส์ (Catherine Zeta-Jones)

ส่วนซัลดานารับบทเป็น โดโลเรส ตอเรส เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองผู้ให้ความช่วยเหลือวิกเตอร์ ซึ่งเธอได้เล่าว่า การทำงานกับผู้กำกับระดับพ่อมดฮอลลีวูด ทำให้เธอเปลี่ยนความคิด และทำให้ความเชื่อมั่นที่มีต่อหนังฟอร์มยักษ์ของเธอกลับมาอีกครั้ง ซัลดานาได้เล่าถึงความประทับใจในการทำงานร่วมกับสปีลเบิร์ก และในกองถ่าย ‘The Terminal’ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ฟัง

“8 เดือนต่อมา ฉันได้ทำงานกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันเชื่อว่า ความยิ่งใหญ่ก็สามารถทำให้ออกมายอดเยี่ยมได้เช่นเดียวกัน ฉันจำได้ว่าในกองนั้นมันดีมาก และปลอดภัยมาก ในกองถ่าย สปีลเบิร์กจะเปิดเพลงผ่านลำโพงในระหว่างฉาก เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนทำงานไปในทิศทางเดียวกันและเข้าใจตรงกัน”

ซัลดานาเล่าว่า ในกองถ่าย ‘The Terminal’ เธอและสปีลเบิร์กมักจะพูดคุยกันเรื่องเพลงที่เปิดในกองถ่ายอยู่เสมอ และทำให้เธอได้รู้จักกับ นีโน โรตา (Nino Rota) คอมโพสเซอร์ผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ของผู้กำกับระดับตำนานชาวอิตาลี เฟเดริโก เฟลลินี (Federico Fellini) รวมถึงความสำคัญของดนตรีในภาพยนตร์ นอกจากนี้เธอยังได้เล่าถึงสิ่งที่ผู้กำกับตำนานของฮอลลีวูดที่ได้บอกกับเธอว่า “เพื่อให้คุณรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน คุณต้องรู้ก่อนว่าตัวเองมาจากไหน”