คาเมรอน ดิแอซ (Cameron Diaz) นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 51 ปี จะกลับมาปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์อีกครั้งในปี 2025 หลังจากหยุดรับงานไปตั้งแต่ปี 2014
ล่าสุด เธอได้เข้าร่วมงานประชุม Most Powerful Women Summit ซึ่งจัดขึ้นโดย Fortune พร้อมทั้งเปิดเผยเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจหยุดรับงานแสดงเมื่อ 10 ปีก่อน เป็นครั้งแรก
สำหรับฉันแล้วนั้น มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำจริง ๆ ฉันรู้สึกว่าต้องทวงคืนชีวิตของฉันกลับมา และฉันไม่แคร์อะไรอีกต่อไป ไม่มีใครมาแนะนำ, ไม่มีใครมาชักจูง, ไม่มีใครมาเสนออะไร และไม่มีใครจะมาเปลี่ยนการตัดสินใจของฉันที่ต้องการดูแลตัวเองและสร้างชีวิตที่ต้องการ
ถ้าถามฉันว่า อะไรที่ฉันหลงใหลมากที่สุด สำหรับฉันแล้วนั้น มันคือการสร้างครอบครัว
นอกจากเป็นหนึ่งในนักแสดงที่งดงามที่สุดในยุค ’90s จนถึงต้นยุค ‘2000s แล้วนั้น ดิแอซยังมีฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยม โดยเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 4 ครั้ง จาก ‘There’s Something About Mary’ (1998), ‘Being John Malkovich’ (1999), ‘Vanilla Sky’ (2001) และ ‘Gangs of New York’ (2002)
ผลงานเรื่องสุดท้ายของเธอก่อนจะหยุดรับงานแสดง คือ ‘Annie’ (2014) ของผู้กำกับ วิล กลัค (Will Gluck) จากนั้นเธอได้แต่งงานกับ เบนจี แมดเดน (Benji Madden) มือกีตาร์วงร็อก Good Charlotte ในปี 2015 โดยทั้งคู่มีลูกสาวคนแรก ชื่อ แรดดิกซ์ (Raddix) ในปี 2019 และลูกชาย ชื่อ คาร์ดินัล (Cardinal) ในปี 2024
ในช่วงที่ห่างหายจากฮอลลีวูดนั้น เธอได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลายเล่ม และเปิดตัวแบรนด์ไวน์ออร์แกนิกที่มีชื่อว่า Avaline
ดิแอซได้กลับมารับบทนำอีกครั้งใน ‘Back in Action’ ภาพยนตร์แอ็กชันคอเมดีของ Netflix ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 17 มกราคม 2025 ซึ่งเธอแสดงนำร่วมกับ เจมี ฟ็อกซ์ (Jamie Foxx) ในบทคู่สามีภรรยาสุดแสนธรรมดาที่ถูกบังคับให้กลับมาทำภารกิจจารกรรมอีกครั้ง
นอกจากนี้ เธอยังเตรียมกลับมาพากย์เสียง เจ้าหญิงฟิโอนา (Princess Fiona) ในภาพยตร์แอนิเมชัน ‘Shrek 5’ ซึ่งมีกำหนดฉายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 รวมถึงแสดงนำร่วมกับ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) และ โจนาห์ ฮิลล์ (Jonah Hill) ใน ‘Outcome’ ภาพยนตร์ตลกร้ายที่ฮิลล์รับหน้าที่กำกับด้วย