แม้จะผ่านระยะเวลามากว่า 18 ปีแล้ว หลายคนยังคงประทับใจกับเรื่องราวครบรส และแรงบันดาลใจของแวดวงคนทำงานในหนังคอเมดีดราม่าวงการแฟชั่นเรื่องดัง ‘The Devil Wears Prada’ (2006) ดัดแปลงมาจากหนังสือนวนิยายขายดีของ ลอเรน ไวส์เบอร์เกอร์ (Lauren Weisberger) ที่นำเสนอเรื่องราวของอาชีพในฝัน และการทำงานในแวดวงแฟชั่นได้สนุกโดยที่ไม่ต้องอินเรื่องแฟชั่นก็ดูได้ ทำให้ตัวหนังได้รับคำวิจารณ์งดงาม และทำรายได้ไปถึง 326 ล้านเหรียญ
ส่วนหนึ่งก็คงต้องยกเครดิตให้กับการแสดงอันจี๊ดจ๊าดของ แอนน์ แฮททาเวย์ (Anne Hathaway) เจ้าของบท แอนเดรีย แซ็กส์ First Jobber ที่ต้องตกกระไดพลอยโจนเข้ามาอยู่ในโลกแฟชั่น ผ่านการทำงานเป็นผู้ช่วยมาดร้ายนิ่งของ มิแรนดา พรีสต์ลีย์ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Runway ที่รับบทโดย เมอรีล สตรีป (Meryl Streep) และ เอมิลี บลันต์ (Emily Blunt) เจ้าของบทเอมิลี เลขาฯ หน้าห้อง บก.บห.
และอีกคนที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ สแตนลีย์ ทุชชี (Stanley Tucci) นักแสดงผู้รับบทเป็น ไนเจล คิปลิง อาร์ตไดเรกเตอร์นิตยสาร Runway ซึ่งเป็นอีก 1 บทบาทสมทบ ที่แม้ว่าเขาจะได้รับบทก่อนเปิดกล้องเพียงแค่ 3 วัน แต่บทบาทนี้ก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้แปลว่าจะทำให้เขามีโอกาสในการแสดงมากขึ้น ซึ่งเขาได้เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ Vanity Fair
“หลังจากที่ผมแสดงใน ‘The Devil Wears Prada’ ผมก็หางานไม่ได้อีกเลย ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร แต่ว่ามันก็เป็นแบบนั้นเอง ดังนั้นผมเลยต้องไปทำสิ่งที่ผมไม่ได้อยากทำจริง ๆ แต่ผมก็ยอมที่จะทำ ๆ มันไป”
ตลอดระยะเวลาในวงการ ทุชชีอาจไม่ได้ขึ้นชื่อในฐานะนักแสดงซูเปอร์สตาร์ แต่เขาก็เป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงสมทบหลากบทบาทที่โดดเด่นในแนวทางของตัวเอง และการสวมบทบาททุกแบบทุกสไตล์ได้อย่างกลมกลืน ทุชชีได้รับการเสนอเข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากการรับบทจอร์จ ฮาร์วีย์ คุณลุงฆาตกรต่อเนื่องใน ‘The Lovely Bones’ (2009)
นอกจากนี้ ทุชชียังปรากฏตัวในหนังดัง ๆ อีกมากมาย อาทิ ‘The Terminal’ (2004), ‘Easy A’ (2010), ‘Captain America: The First Avenger’ (2011), ‘Transformers: Age of Extinction’ (2014), ‘Spotlight’ (2015), ‘The King’s Man’ (2021) รวมทั้งในแฟรนไชส์ ‘The Hunger Games’
นอกจากนี้ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน ทุชชียังเปิดใจเล่าถึงเส้นทางอาชีพนักแสดงของเขาที่ต้องเผชิญกับความผันผวนอยู่เสมอ และ 1 ในนั้นคือ ในปี 2017 เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในช่องปาก (Oropharyngeal Cancer) หลังจากตรวจพบเนื้องอกที่โคนลิ้น
“…คุณอาจจะเลือก (งานแสดง) แบบเรื่องมากแล้วยอมอยู่บ้านเล็ก ๆ ก็ได้ แต่ผมต้องการอยากจะมีชีวิตที่ดี ดังนั้นเหตุผลบางส่วนในการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเรี่องของเหตุผลทางศิลปะ อาชีพของผมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางครั้งก็เป็นเพราะเรื่องธุรกิจ บางครั้งก็เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้คุณไม่สามารถทำงานได้”
“การเจ็บป่วยของผมเมื่อ 6 ปีก่อน ทำให้ทุกอย่างสะดุดลงชั่วขณะ ก่อนที่จะค่อย ๆ กลับมา แต่ผมก็ต้องเริ่มทำงานเยอะมากขึ้น ผมต้องการการทำงานเพราะผมต้องการเงิน หลังจากเข้ารับการรักษา ผมอาจจะเริ่มทำงานเร็วไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีพลังมากพอ แต่ผมก็ต้องทำ และในที่สุดผมก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาได้อีกครั้ง”
หลังจาก 3 ปีที่ทุชชีต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฉายรังสี และเคมีบำบัดในปริมาณมาก เนื่องจากเนื้องอกมีขนาดใหญ่เกินไปจนไม่อาจจะผ่าตัดได้ เขาได้ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 2021 และแม้เขาจะรักษาจนหายขาดแล้ว
แต่จากความทรมานในการรักษาของเขาที่ส่งผลทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารบางอย่างได้ รวมทั้งการต้องพบเห็นความยากลำบากของภรรยาคนแรก เคต ทุชชี (Kate Tucci) ที่ต้องเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งเต้านม ก่อนจะเสียชีวิตในเดือนเมษายน ปี 2009 ทำให้เขาตั้งใจที่จะไม่เข้ารับการรักษาอีกในกรณีที่โรคร้ายกลับมาลุกลาม
“การเสียชีวิตของเคตยังคงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากสำหรับผม และผมก็คงไม่มีวันจะหยุดโศกเศร้ากับเรื่องนี้ได้ ผมเคยสาบานไว้ว่าผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก เพราะภรรยาคนแรกของผมเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และการต้องเห็นเธอต้องอดทนเข้ารับการรักษาแบบนั้นเป็นเวลาหลายปี มันช่างเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก”
ทุชชีเคยให้สัมภาษณ์ถึงความประทับใจของเขาในการร่วมงานกับหนังเรื่องนี้กับ People
“ในการร่วมงาน ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะสนุกได้ขนาดนั้น ผมคิดว่าผมได้มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งเลย ผมเคยแสดงหนังมาหลายเรื่องแล้ว น่าจะประมาณ 100 เรื่องได้ และได้แสดงในทีวีซีรีส์ไปกี่ตอนแล้วก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งที่ผมเคยมีมา เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างคนเก่ง ๆ ทั้งเดวิด แฟรงเคิล, เมอรีล แอนนี และเอมิลี ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นน้องสะใภ้ของผม มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก”
แต่อย่างที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า Disney กำลังพัฒนาหนังภาคต่อของ ‘The Devil Wears Prada’ ที่คาดว่าน่าจะเล่าเรื่องราวของมิแรนดาที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่สื่อสิ่งพิมพ์ต้องปรับตัวในโลกดิจิทัล โดยในขณะนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันว่า ทั้งผู้กำกับจากภาคแรก เดวิด แฟรงเคิล (David Frankel) และเหล่าบรรดานักแสดงจะได้กลับมารับบทเดิมหรือไม่ รวมไปถึงทุชชี ที่ ณ ตอนนี้เขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะได้มีโอกาสกลับไปรับบทที่เขารักอีกหรือไม่
“ณ ตอนนี้ผมก็ยังตอบไม่ได้ครับ ไม่มีใครยอมให้ผมพูดหรอก ผมคิดว่าพวกเขาก็อยากจะให้มันเกิดขึ้น ผมเองก็คาดหวังแบบนั้น แต่ผมยังพูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ เพราะมันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ใครจะไปรู้”