1 ในเรื่องที่ถูกเปิดเผยออกมาในวาระที่ ‘John Wick’ (2014) หนังแอ็กชันแนวกันฟู (Gun-Fu) มีอายุครบ 10 ปีพอดีก็คือ กว่าที่หนังเรื่องนี้จะกลายมาเป็นหนังที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดเรื่องหนึ่งของศตวรรษนี้ และเป็นหนังที่ส่งให้ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) กลับมายืนในวงการได้อย่างสง่างาม ตัวหนังต้องผ่านอุปสรรคมามากมายตั้งแต่ตอนถ่ายทำ ที่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณอย่างหนัก
ก่อนที่บุคคลปริศนาจะเป็นผู้เข้ามายื่นมือให้ความช่วยเหลือด้วยการลงเงิน 6 ล้านเหรียญเป็นทุนสร้าง ต่อชะตาให้กับหนังแอ็กชันที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเรื่องนี้เอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ตัวหนังจะถูกระงับการถ่ายทำในอีกไม่ถึง 24 ชั่วโมง เพราะไม่มีเงินทุนเหลืออีกต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ แชด สตาเฮลสกี (Chad Stahelski) และ เดวิด ลิตช์ (David Leitch) ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ ‘John Wick’ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้เอาไว้กับ Business Insider (สามารถอ่านเรื่องราวเต็ม ๆ ได้ที่นี่)
ล่าสุด Business Insider เกาะติดเรื่องนี้ด้วยการไปสัมภาษณ์ อีวา ลองโกเรีย (Eva Longoria) นักแสดงสาวที่โด่งดังจากซีรีส์สุดฮิต ‘Desperate Housewives’ (2004-2012) และได้รับเครดิตในฐานะโปรดิวเซอร์ของหนัง จากการเป็นผู้ออกเงินทุนก้อนโตให้ แม้ตัวเธอเองจะไม่ได้เชื่อมั่นกับศักยภาพของหนังมากนัก แต่ด้วยความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้การลงทุนครั้งนี้สร้างกำไรให้เธอมากถึง 2 เท่า แถมยังได้รับเช็คเงินค่าตอบแทนมาตลอด 10 ปี
นอกจากนี้ การลงทุนครั้งนี้ยังเป็นหมุดหมายสำคัญให้เธอเดินหน้าต่อในฐานะนักธุรกิจและนักลงทุน เธอเริ่มก่อตั้งบริษัทโปรดักชัน UnbeliEVAble Entertainment ที่อยู่ภายใต้บริษัท Hyphenate Media Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตซีรีส์ ‘Land of Women’ ของ Apple TV+
นอกจากนี้เธอยังเป็นนักลงทุนในร้านอาหารชั้นนำ แบรนด์เตกิลา Casa Del Sol และเป็นเจ้าของร่วมทีมสโมสรฟุตบอลหญิง Angel City FC ร่วมกับ นาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) และแบรนด์อาหารสุขภาพ Siete Foods ที่บริษัท PepsiCo เข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่า 1,200 ล้านเหรียญ
“ตอนนั้นฉันเองยังไร้เดียงสาอยู่เลยค่ะ ฉันชอบนะที่เดวิดพูดว่า ‘พวกเขาต้องไปหาคนที่มีเงินทุนเยอะ ๆ’ ทั้งที่ฉันเองยังใหม่มากกับเรื่องนี้ และมันก็เป็นเงินก้อนที่ใหญ่มาก (หัวเราะ) ฉันต้องถามว่า ‘แล้วจะต้องทำยังไงบ้าง ?’ เพราฉันไม่มีความรู้อะไรเลย ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นอัจฉริยะด้านการลงทุน และคำนวณกระจายความเสี่ยงได้แม่นยำ แต่ไม่เลย ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ”
“ตอนนั้นมีตัวแทนคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของฉันเลยด้วยซ้ำนะ เขาโทรมาบอกฉันว่า ‘คุณมีเงินอยู่นี่ น่าเอาเงินไปลงทุนกับหนังเรื่องนี้นะ’ และฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำกันยังไง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘การระดมทุน’ คืออะไร ?”
“แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อมองย้อนกลับไปก็คือ ฉันชอบในการลงทุนกับคน คุณอาจจะบอกฉันได้ว่าคุณอยากเปิดฟาร์มเลี้ยงไก่ แต่ถ้าคุณมีความหลงใหลในสิ่งนั้นจริง ๆ และได้ลงมือทำงานวิจัยและรู้ตลาดดีแล้ว ฉันก็พร้อมสนับสนุน อย่างแชดกับเดวิด พวกเขาทำการบ้านมาอย่างดี พวกเขาเป็นสตันต์แมน และผู้กำกับ Second Unit มากว่า 10,000 ชั่วโมง”
“พวกเขาดูหนังห่วย ๆ มาเยอะและรู้ว่าจะทำหนังดี ๆ ออกมาได้ยังไง นั่นแหละค่ะ พวกเขามีความหลงใหลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และฉันรู้ว่าพวกเขาจะสร้างผลงานที่ไม่ธรรมดาออกมา พวกเขามีความหิวกระหายและมุ่งมั่นเหมือนที่ฉันมี เพราะฉันเองก็เป็นคนที่สู้ชีวิตเหมือนกัน”
ลองโกเรียยังได้เปิดเผยถึงความสำคัญของการลงทุนของเธอ ที่นอกจากจะชุบชีวิตให้ ‘John Wick’ กลายเป็นหนังแอ็กชันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของยุคนี้แล้ว ยังเป็นสิ่งที่เปลี่ยนวงการหนัง และเปลี่ยนชีวิตของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกับคนที่เป็นแกนหลักสำคัญของหนังเรื่องนี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
“มันเป็นอะไรที่เปลี่ยนวงการหนังไปเลยค่ะ และมันก็เปลี่ยนให้คีอานูได้พบกับเส้นทางใหม่ ๆ อย่างสิ้นเชิง ฉันจำได้ว่าปีที่แล้ว ในงานดินเนอร์ของออสการ์ ฉันนั่งที่โต๊ะ และฝั่งตรงข้ามก็มี เดวิด ลิตช์ นั่งอยู่กับภรรยา ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าเขาคือใคร เขาพูดว่า ‘สวัสดีครับ’ ฉันตอบกลับไปว่า ‘สวัสดีค่ะ’ แล้วเขาก็แนะนำตัวว่า “ผมคือเดวิดครับ” แล้วฉันก็อ๋อ ก่อนที่เขาจะบอกว่า ‘คุณคือคนที่เปลี่ยนชีวิตผมเลยนะครับ'”
“ตอนนั้นฉันเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นใคร เราไม่ได้คุยกันมา 10 ปีแล้ว ฉันไม่เคยเจอกับพวกเขาอีกเลย และก็ไม่จำเป็นต้องเจอหรอก เพราะว่ายังมีเช็คส่งมาอยู่ (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาบังเอิญมากที่ได้นั่งกับเขา และได้ฟังเรื่องราวจากมุมมองของเขา สามีของฉันที่นั่งอยู่ด้วยถามว่า ‘คุณทำอะไร ?’ ฉันตอบไปว่า ‘อ๋อ ‘John Wick’ น่ะ'”
“สามีของฉันเป็นเพื่อนกับผู้บริหารของ Lionsgate เขามักจะแซวอยู่บ่อย ๆ ว่า ‘ผมรู้นะว่าสัปดาห์นี้พวกเขาจะส่งเช็คไปให้อีวาน่ะ’ แต่เอาเข้าจริง คนที่เป็นอัจฉริยะตัวจริงคือแชดกับเดวิดต่างหาก และคีอานูก็คือดาราที่ใช่ ฉันเป็นแค่คนเซ็นเช็คให้พวกเขาก็เท่านั้นเอง”
ลองโกเรียอธิบายขยายความถึงผลตอบแทนที่เธอได้รับจากการลงเงิน 6 ล้านเหรียญในกองทุนเพื่อหาทุนสร้างให้กับ ‘John Wick’ ซึ่งทำให้เธอได้รับกำไรเป็น 2 เท่า รวมทั้งยังได้รับเช็คเงินที่เป็นค่าตอบแทนมาตลอด 10 ปี
“จากการลงทุนครั้งนั้น ฉันได้เงินค่าตอบแทน คือต้องเช็กอีกทีนะ แต่รู้ว่าน่าจะมากกว่า 2 เท่าแน่นอน สิ่งที่ฉันเองเสียดายก็คือ ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมกับภาคต่อ ๆ มา มันเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว ซึ่งมันก็มีความเสี่ยงอยู่ แต่ความผิดพลาดเดียวของฉันก็คือการที่ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในหนังทุกภาค”
ลองโกเรียยังเล่าประสบการณ์ที่เธอได้มีโอกาสเจอกับรีฟส์
“ฉันเพิ่งจะเจอเขาไม่นานมานี้เอง เราได้เจอกันก็เพราะแฟนของเขา อเล็กซานดรา แกรนต์ (Alexandra Grant) พวกเรารู้จักเธอผ่านเพื่อนบางคน แล้วเราก็ได้เจอกับคีอานูที่งานแสดงศิลปะ คีอานูบอกฉันว่า ‘ผมอยากพาคุณไปดินเนอร์นะ เราควรจะฉลองครบรอบ 10 ปีกัน’ เราเลยได้ดื่มฉลองให้กับ ‘John Wick’”
ทิ้งท้าย ลองโกเรียได้เปิดเผยความรู้สึกของเธอว่า แม้การลงทุนในหนัง ‘John Wick’ ครั้งนั้นจะทำให้เธอล้มเหลวและสูญเงินก้อนใหญ่ไป แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายนัก
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่ามันจะทำให้ฉันรู้สึกแย่ไหม ที่ผ่านมาฉันโชคดีที่มีนักลงทุนเก่ง ๆ รอบตัว และฉันก็เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมาก ฉันมักจะถามว่า ‘ฉันจะทำยังไงให้เงินทำงานและได้เงินกลับมา ?’ ฉันหมกมุ่นกับเรื่องนี้มาก ๆ ฉันอยากจะหาเงินได้แม้ตอนที่ฉันหลับ”
“การมีคนรอบตัวที่สามารถบอกฉันได้ว่าอะไรเสี่ยง และอะไรไม่เสี่ยงนั้นเป็นเรื่องที่ดี คำถามที่ว่า ‘คุณจะยอมขาดทุนได้มากแค่ไหน ?’ นั่นเป็นคำถามที่สำคัญเสมอ (หัวเราะ) และฉันก็มักจะคิดว่า ‘ฉันจะยอมขาดทุนได้มากขนาดไหนน่ะเหรอ ?’ ซึ่งคำตอบก็คือศูนย์ ไม่มีทางเป็นอันขาด !”