ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อาจไม่ใช่ช่วงที่นักแสดงเจ้าของฉายาคุณพ่อแห่งอเมริกา ทอม แฮงส์ (Tom Hanks) มีผลงานในระดับท็อปฟอร์มที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือนักแสดงที่หลายคนยังคงอยากจะชมผลงานของเขาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหนก็ตาม

และปีนี้ก็นับเป็นข่าวดี เพราะเขากลับมาพร้อมกับผลงานหนังดราม่าไอเดียล้ำ ‘Here’ ที่เล่าเรื่องภาพชีวิตของคู่รักคู่หนึ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังเดียว ซึ่งนี่เป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งของเขากับผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส (Robert Zemeckis) และ โรบิน ไรต์ (Robin Wright) ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน ‘Forrest Gump’ (1994)

และด้วยความที่ ‘Here’ เป็นหนังที่แหวกแนวด้วยการเล่าผ่านสถานที่แห่งเดียว ผ่านตัวละครคู่รักและครอบครัวหนึ่ง ผ่านระยะเวลาหลายทศวรรษ ผ่านหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ไกลโพ้น จนถึงช่วงวัยชรา หนังเรื่องนี้จึงต้องพึ่งพาเทคนิคพิเศษในการย้อนอายุใบหน้าของแฮงส์และไรต์ ทั้งการแต่งหน้าเอฟเฟกต์แบบดั้งเดิม ผสมผสานเทคนิคการลดอายุด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

แฮงส์ นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 68 ปี ผู้รับบทเป็น ริชาร์ด ยัง ในหลากหลายช่วงวัย ได้ให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Tonight ในระหว่างการฉายรอบปฐมทัศน์เรื่องนี้ในเทศกาล AFI Fest ซึ่งนักข่าวได้ไปจ่อไมค์ถามเขาว่า ในเมื่อมีเทคโนโลยีย้อนวัยได้ขนาดนี้แล้ว มีช่วงอายุไหนที่เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปอีกครั้งมากที่สุด แม้ว่าแฮงส์จะไม่ได้บอกชัดเจนว่าช่วงวัยไหนเป็นช่วงที่ดีที่สุด แต่เขาก็มีช่วงเวลาที่เขาไม่ชอบมากที่สุดอยู่ในใจ

Tom Hanks, Madonna A League of Their Own

“ไม่ต้องพาผมไปไหนหรอก ตอนนี้ผมอายุ 68 แล้วนะ ที่ยากที่สุดสำหรับผมก็คือช่วงที่ผมต้องแสดงบทเป็นคนอายุ 35 เพราะช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่การเผาผลาญเริ่มลดลง แรงโน้มถ่วงจะเริ่มถ่วงตัวคุณลงมา กระดูกจะเริ่มสึกกร่อน ท่ายืนก็เริ่มเปลี่ยนไป เอาจริง ผมว่าร่างกายของผมตอนนี้ดีกว่าช่วงนั้นซะอีกนะ”

“ตอนนี้ผมดูดีมาก รู้ไหมว่าทำไม เพราะว่าลูก ๆ ของผมโตกันหมดแล้ว ผมพอจะได้ออกกำลังกายอยู่บ้าง พอจะกินอาหารดี ๆ ได้ แต่ตอนคุณอายุ 35 คุณทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน ชีวิตมีแต่ภาระทั้งนั้น !”

“…ผมก็แค่ทำตามสิ่งที่คนอายุ 68 ที่กำลังเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 น่ะ แค่ต้องดูแลร่างกายให้มันดีเท่านั้นแหละครับ”

หากนึกเล่น ๆ กลับไปตอนที่แฮงส์อายุ 35 ปี ตอนนั้นจะตรงกับปี 1991 ซึ่งเป็นปีที่เขาไม่มีผลงานการแสดง แต่หากมองตามไทม์ไลน์ นี่คือช่วงเวลาที่แฮงส์กำลังจะก้าวถึงจุดสูงสุดในอาชีพ เพราะหลังจากนี้เขาจะมีผลงานสำคัญ ๆ ออกมาอีกมากมาย ตั้งแต่หนังตลกกีฬา ‘A League of Their Own’ (1992) และหนังรอมคอม ‘Sleepless in Seattle’ (1993)

ก่อนจะขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากการรับบทเป็นทนายเกย์ผู้ติดเชื้อ HIV ในหนังดราม่ากฎหมายเข้มข้น ‘Philadelphia’ (1993) และย้ำความสำเร็จอีกครั้งด้วยการคว้ารางวัลเดิม จากการรับบทอันน่าประทับใจใน ‘Forrest Gump’ (1994) เป็นผู้ทำสถิติคว้า 2 ออสการ์ 2 ปีซ้อน ได้เป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดและส่งให้เขากลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าได้ในที่สุด

Tom Hanks and Robert Zemeckis Forrest Gump

เซเม็กคิสได้มีโอกาสเล่าถึงจุดประสงค์ของการลดอายุใบหน้า (De-Aged) และทำหน้ากากจำลองเพื่อเปลี่ยนให้แฮงส์และไรต์ กลายเป็นริชาร์ด และมากาเร็ต ยัง ด้วยเทคโนโลยี AI ที่มีชื่อว่า Metaphysic Live ของบริษัท Metaphysic ในการถ่ายทำ ‘Here’ ซึ่งไม่ใช่แค่การทำเพื่อย้อนอายุในหนังเฉย ๆ แต่เป็นการจำลองเอฟเฟกต์แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะทำให้ทั้งคู่เห็นภาพของตัวเองที่อ่อนวัยลงได้ทันทีในระหว่างการแสดง

“มันสำคัญต่อการเล่าเรื่องครับ เราคงสร้างหนังเรื่องนี้ไม่ได้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว โชคดีที่เครื่องมือนี้เข้ามาตรงเวลาที่เราต้องการ แทนที่จะต้องเพิ่มเอฟเฟกต์ในภายหลัง พวกเขาจะได้เห็นแล้วรู้ว่า ‘โอ้ ฉันต้องกระฉับกระเฉงขึ้นอีกหน่อย ต้องเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นอีกนิด ต้องเพิ่มเสียงขึ้นอีกหน่อย’ การได้เห็นตัวเองแบบนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาครับ”

แฮงส์ได้มีโอกาสพูดถึงการใช้เทคโนโลยีนี้กับ People “มันเป็นอะไรที่แปลกดีครับ เหมือนเป็นลูกเล่นที่พิเศษขึ้นมา เพราะจริง ๆ เราก็ใช้การแต่งหน้าแบบปกติได้นั่นแหละ แต่พอเรามีคอมพิวเตอร์ที่ทำฟิลเตอร์ได้เร็วสุด ๆ ที่ทำให้เราดูอ่อนวัยได้ ณ ตอนนั้นเลย เราก็ไม่จำเป็นต้องรอเห็นตัวเองในเวอร์ชันหนุ่มแน่นตอนหลังการถ่ายทำอีกต่อไป”

แม้หนังเรื่องนี้เราจะได้เห็นแฮงส์กลับไปยังสมัยหนุ่ม ๆ เหมือนที่คุ้นเคยในหนังยุค 90s แต่แฮงส์ก็ย้ำว่าบางครั้งช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็อาจหมายถึงปัจจุบัน

“จริง ๆ การได้ดูอ่อนเยาว์อีกครั้งก็เป็นเรื่องดีครับ แต่การกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งก็ไม่ได้จะเป็นเรื่องที่ดีเสมอไป ผมอายุ 68 แล้ว สิ่งที่ยากมากที่สุดทั้งร่างกายและจิตใจก็คือการกลับไปแสดงช่วงที่ริชาร์ดอายุ 35 และมาร์กาเร็ตอายุ 42 ปี ซึ่งมันเป็นช่วงที่ตอนที่ความสูงวัยเริ่มมาเยือน ยังไม่ถึงจุดที่ชีวิตช้าลงแบบเต็มที่ แต่คุณก็ลุกขึ้นยืนจากโซฟาเร็ว ๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”

“ผมว่า ผมมีอายุเท่าที่ผมเป็นอยู่นี่แหละดีแล้ว”