แม้ตอนนี้ ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) ผู้กำกับชาวอังกฤษชั้นครูจะมีอายุย่างเข้า 87 กะรัตเข้าให้แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ ปู่สก็อตต์ยังคงทำงานเกี่ยวกับภาพยนตร์แบบไม่มีวันหยุด นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มต้นอาชีพครั้งแรกเมื่อ 47 ปีที่แล้วจากการกำกับหนังเรื่องแรก ‘The Duellists’ (1977) และประสบความสำเร็จอย่างสูงจากบรรดางานหนังไซไฟระดับตำนาน ‘Alien’ (1979) และ ‘Blade Runner’ (1982)
ทุกวันนี้ ปู่สก็อตต์ก็ยังคงมีผลงานในมือ ทั้งที่เสร็จสิ้นไปแล้วและโปรเจกต์ที่กำลังจะทำต่ออีกมากมาย ทั้งหนังที่เขากำกับเอง ‘The Last Duel’ (2021), ‘House of Gucci’ (2021) รวมทั้ง ‘Napoleon’ (2023) นอกจากนี้เขายังอยู่ในฐานะโปรดิวเซอร์ผ่านบริษัท Scott Free ของเขาเอง ทั้งการเป็นโปรดิวเซอร์หนัง ‘Alien: Romulus’, ซีรีส์ ‘Blade Runner 2099’ ของ Prime Video ซีรีส์ ‘Alien: Earth’ ของ FX, หนังชีวประวัติศิลปินวง Bee Gees อีก และแน่นอนว่ายังรวมไปถึงผลงานหนัง ‘Gladiator II’ ภาคต่อหนังมหากาพย์ ‘Gladiator’ (2000) ที่กำลังจะเข้าฉายในเร็ว ๆ นี้ ด้วย
ในวาระโปรโมตหนังเรื่องใหม่ ปู่สก็อตต์ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ซึ่งหัวข้อหนึ่งที่พูดคุยก็คือ การเกษียณจากงานผู้กำกับ
“ถ้าผมรู้สึกว่าการกำกับหนังมันเป็นงาน ผมคงไม่ทำมันหรอกนะ เพราะนี่คือความหลงใหลและความสุขของผม มันทำให้ผมมีชีวิตชีวาจริง ๆ ผมทำร้ายตัวเองจากการเล่นเทนนิสเยอะเกินไป ตอนนี้เข่าผมเลยมีปัญหาและต้องฉีดยาเพื่อรักษาอาการ ผมไม่อยากเป็นคนแก่ที่เดินโซเซไปตามกองถ่าย ตอนถ่ายทำ ‘Gladiator II’ พวกเราต้องทำงานกันท่ามกลางอุณหภูมิ 44 องศาเซลเซียส และผมก็ต้องออกไปยืนตรงนั้น”
“ตั้งแต่ ‘Gladiator’ ภาคแรก ผมทำหนังไปแล้วตั้ง 16 เรื่องในช่วง 20 ปี ซึ่งก็ถือว่าเยอะทีเดียว ผมเคยอิจฉานักแสดงนะ เพราะพวกเขาสามารถแสดงหนังได้ 2-3 เรื่องต่อปี พวกเขาไม่ต้องมานั่งตระเตรียมอะไรนอกจากแค่ท่องบท ส่วนผมต้องวางแผน เขียนบท ทำเรื่องงบประมาณ คัดเลือกนักแสดง ถ่ายทำ ตัดต่อ และส่งงาน ส่วนนักแสดงก็แค่มาแสดงตามบทบาทของพวกเขาเฉย ๆ”
สก็อตต์ยกตัวอย่างผู้กำกับรุ่นใหญ่สุดในเวลานี้อย่าง คลินต์ อีสต์วูด (Clint Eastwood) ที่ยังคงทำงานกำกับ ‘Juror No. 2’ ซึ่งเป็นงานที่คาดกันว่าน่าจะเป็นผลงานชิ้นท้าย ๆ ในชีวิตของเขา และแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโปรเจกต์เต็มไม้เต็มมือ แต่เขาเองยังไม่คิดที่จะเกษียณจากอาชีพผู้กำกับแน่นอน
“ใช่ ! ผมคงจะเลิกทำตอนที่ผมตายไปแล้ว ขนาด คลินต์ อีสต์วูด (Clint Eastwood) อายุตั้ง 94 ปีแล้วนะ ! ส่วนผมอายุ 86 ดังนั้นผมเลยคิดว่าน่าจะยังพอมีเวลาอีกหน่อย”
และเมื่อถามถึงประเด็นเกี่ยวกับการตัดสินใจเกษียณจากอาชีพผู้กำกับ ชื่อของผู้กำกับสายระห่ำ เควนทิน ทารันทิโน (Quentin Tarantino) ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะเกษียณจากอาชีพผู้กำกับ หลังจากกำกับหนังอันดับที่ 10 ของเขาเสร็จสิ้นก็ปรากฏขึ้นในบทสนทนา แม้ตอนนี้ทารันทิโนเองจะรื้อโปรเจกต์หนังที่ถูกวางตัวเป็นเรื่องสุดท้ายในชีวิตของเขาอย่าง ‘The Movie Critic’ ไปแล้วก็ตาม
ในระหว่างที่โลกยังไม่รู้ว่าทารันทิโนจะเอายังไงต่อไป สก็อตต์คือคนหนึ่งที่ตั้งป้อมไม่เชื่อว่าผู้กำกับคนนี้จะยอมลุกจากเก้าอี้ผู้กำกับไปโดยง่าย
“ผมไม่เชื่อ คือผมไม่เชื่อเรื่องตอแหล-่านั่นหรอกนะ หุบปากแล้วก็ไปกำกับหนังอีกเรื่องซะเถอะว่ะ เควนทินเคยเขียนบทให้กับน้องชายของผมน่ะนะ พวกเขาเข้ากันได้ดีเลย ไม่แน่ใจนะว่าผมเคยเจอกับเขาหรือเปล่า”
บทหนังที่สก็อตต์พูดถึงก็คือบทหนังอาชญากรรมโรแมนติก ‘True Romance’ (1993) ที่ว่าด้วยเรื่องของคู่รักหนุ่มสาวที่ต้องหลบหนีเอาตัวรอดจากการตามล่าของเจ้าพ่อที่กำลังตามหาโคเคนที่หายไป โดยบทหนังเรื่องนี้เป็น 1 ใน 3 บทหนังที่เควนทินเขียนขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ ‘Natural Born Killers’ (1994) และ ‘From Dusk Till Dawn’ (1996) ในเวลานั้น ทารันทิโนยังเป็นเด็กหนุ่มวัย 23 ปีที่ลาออกจากโรงเรียนมัธยมมาเป็นนักแสดงประกอบ
ก่อนที่เขาจะได้งานเป็นพนักงานในร้านเช่าวิดีโอ จนกระทั่งได้โอกาสทำหน้งเรื่องแรก ‘Reservoir Dogs’ (1992) และประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้บทหนังทั้ง 3 เรื่องที่เคยถูกดอง และถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเนื้อหาอันโหดเถื่อน และคำหยาบคายที่อยู่ในบทพูด ถูกสตูดิโอหยิบกลับมาปัดฝุ่นและทำเป็นหนัง โดยแต่เดิมทารันทิโนตั้งใจจะกำกับ ‘True Romance’ ด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขายบทให้กับ Warner Bros.
ก่อนจะได้ โทนี สก็อตต์ (Tony Scott) น้องชายของริดลีย์ เจ้าของผลงานการกำกับหนังดังระดับขึ้นหิ้งอาทิ ‘Top Gun’ (1986), ‘Days of Thunder’ (1990) ‘Crimson Tide’ (1995) และ ‘Man on Fire’ (2004) มารับหน้าที่กำกับ ซึ่งแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรายละเอียดและตอนจบของหนังไปพอสมควร แต่ ‘True Romance’ ถือเป็นหนังที่ทารันทิโนรู้สึกพึงพอใจมากที่สุดในฐานะคนเขียนบท ก่อนที่โทนีจะมีข่าวว่าป่วยเป็นมะเร็ง และและก่อเหตุอัตวินิบาตกรรมในปี 2012