ริดลีย์ สกอตต์ (Ridley Scott) ได้ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เพื่อโปรโมต ‘Gladiator II’ ที่จะเข้าฉายในปี 2024 นี้ โดยเขาได้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ซึ่งรับบทจักรพรรดิคอมมอดุส (Commodus) พยายามถอนตัวในระหว่างการถ่ายทำ ‘Gladiator’ (2000)

สกอตต์ได้อธิบายว่า ตอนนั้นฟีนิกซ์ซึ่งอยู่ในชุดคอสตูมเต็มยศสร้างความตกใจแก่สกอตต์ด้วยการพูดขึ้นว่า “ผมทำไม่ได้” และจากนั้น รัสเซลล์ โครว์ (Russell Crowe) ผู้รับบทนายพลแมกซิมัส (Maximus) ได้ก้าวเข้ามาตอบกลับไปว่า “นี่มันไม่เป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง”

เขาอยู่ในชุดเจ้าชาย และพูดว่า "ผมทำไม่ได้" ผมถึงกับตอบกลับไปว่า "อะไรนะ ?" แล้วรัสเซลล์ก็พูดว่า "นี่มันไม่เป็นมีออาชีพอย่างยิ่ง"

สกอตต์ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงวิธีที่ทำให้ฟีนิกซ์เปลี่ยนใจ ว่า “ทำเหมือนเป็นเพื่อนกับเขาสิ”

ผมจะทำเหมือนเป็นพี่ใหญ่หรือพ่อก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะทำให้ตัวเองเป็นเพื่อนกับวาคีนมากกว่า สำหรับเราแล้วนั้น 'Gladiator' เป็นเหมือนการออกลุยในสนามรบพร้อมกันตั้งแต่เริ่มการถ่ายทำเลยก็ว่าได้

Gladiator

‘Gladiator’ ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลในยุคนั้นด้วยการทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 465.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 103 ล้านเหรียญ และชนะรางวัลออสการ์ 5 สาขา รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (โครว์)

สำหรับฟีนิกซ์นั้น ได้แสดงศักยภาพการรับบทคอมมอดุสที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว, เปลี่ยวเหงา และไม่มั่นใจในตนเองไปพร้อมกันได้อย่างน่าชื่นชม จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ เบนิซิโอ เดล โตโร (Benicio Del Toro) จาก ‘Traffic’ (2000) คว้ารางวัลนี้ไปครองในปีนั้น

Gladiator

ต่อมาฟีนิกซ์ได้เลือกแสดงในภาพยนตร์ที่เน้นขายฝีมือการแสดงมากมาย เช่น ‘Ladder 49’ (2004), ‘Reservation Road’ (2007), ‘Her’ (2013), ‘Inherent Vice’ (2014), ‘C’mon C’mon’ (2021) และ ‘Beau is Afraid’ (2023) เป็นต้น

เขาได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมถึง 2 ครั้ง จาก ‘Walk the Line’ (2005) และ ‘The Master’ (2014) และคว้ารางวัลออสการ์ตัวแรกมาครองอย่างไร้ข้อกังขาจากบท อาเทอร์ เฟล็ก (Arthur Fleck) ใน ‘Joker’ (2019)

เมื่อไม่นานมานี้ ฟินิกซ์กลายเป็นข่าวฉาวในประเด็นการทิ้งกองถ่ายอีกครั้ง จากการถอนตัวจากโปรเจกต์ภาพยนตร์โรแมนติกรักร่วมเพศของผู้กำกับ ท็อดด์ เฮย์เนส (Todd Haynes) ก่อนที่จะเริ่มเปิดกล้องเพียง 5 วัน ทั้งที่ฟีนิกซ์เป็นหนึ่งในผู้ร่วมพัฒนาบทของโปรเจกต์นี้ด้วย