อย่างที่ทราบกันดีว่า ปี 2024 นี้คือปีที่โดดเด่นของ ซิดนีย์ สวีนนีย์ (Sydney Sweeney) นักแสดงสาววัย 27 ปี ที่โด่งดังจากซีรีส์ของ HBO ทั้ง ‘Euphoria’ และ ‘The White Lotus’ เพราะปีนี้เป็นปีที่เธอมีผลงานออกมาเพียบ ตั้งแต่ หนังซูเปอร์ฮีโร ‘Madame Web’ ชิมลางการเป็นนักแสดงควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ใน ‘Anyone but You’ และลงมือควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนในหนังสยองขวัญทริลเลอร์ฟอร์มเล็ก ‘Immaculate’ แต่การที่เธอมักจะปรากฏตัวในหนัง ซีรีส์ หรือแม้แต่ต่อสาธารณชนด้วยรูปลักษณ์เซ็กซี่ ก็ทำให้เธอมักจะตกเป็นเป้าโจมตีอยู่เสมอ
ล่าสุด สวีนนีย์ได้ให้สัมภาษณ์และร่วมขึ้นปกนิตยสาร Vanity Fair ฉบับ The Hollywood Issue ซึ่งเธอได้เล่าถึงการทำงานของเธอในผลงานชิ้นต่าง ๆ รวมทั้งผลงานการแสดงล่าสุดของเธอใน ‘Eden’ นอกจากนี้ เธอยังได้มีโอกาสพูดเป็นครั้งแรก หลังจากที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอตกเป็นประเด็นจากการที่ แครอล บอม (Carol Baum) โปรดิวเซอร์รุ่นใหญ่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวเธอว่า ‘ไม่สวย’ ‘การแสดงไม่ดี’
แถมยังพูดถึง ‘Anyone but You’ ที่เธอแสดงด้วยประโยคที่ว่าเป็นหนังที่ ‘ดูต่อไม่ได้’ จนภายหลังตัวแทนของสวีนนีย์ได้ออกแถลงการณ์โจมตีการแสดงความคิดเห็นของโปรดิวเซอร์คนดังกล่าวว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และเป็นเรื่องน่าละอายที่เธอสั่งสอนการดูหมิ่นและโจมตีผู้หญิงด้วยกันให้กับนักเรียนของเธอเอง
“มันเป็นอะไรที่น่าหดหู่มากนะคะ ที่ต้องเห็นผู้หญิงทำลายกันเอง โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอื่น ๆ ของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งสามารถมองเห็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่ทำงานหนัก และหวังว่าจะสามารถไปให้ถึงฝั่งฝันของตัวเอง แต่เขากลับพยายามบ่อนทำลายและพยายามจะด้อยค่าในผลงานที่พวกเราทำ”
“ในอุตสาหกรรมนี้ คนมักจะพูดกันว่า ‘ผู้หญิงต้องสนับสนุนผู้หญิงด้วยกัน’ แต่ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องจอมปลอมทั้งนั้น มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เลย ทุกอย่างเป็นเพียงแค่คำลวงเพื่อปิดบังคำพูดคำจาแย่ ๆ ที่พวกเขานินทาลับหลังเราเท่านั้นเอง”
“ที่ฉันอยากจะสื่อก็คือ มีการศึกษามากมาย รวมทั้งความคิดเห็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเบื้องหลังสาเหตุเหล่านี้ ฉันเคยอ่านเจอมาว่ามันเป็นเพราะจากการที่เราถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น และมันก็เป็นปัญหาสืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่น เราถูกปลูกฝังให้เชื่อว่ามีผู้หญิงแค่คนเดียวที่สามารถยืนอยู่จุดที่สูงที่สุดได้ มีเพียงผู้หญิงคนเดียวที่สามารถมัดใจชายได้ มีผู้หญิงแค่คนเดียวที่สามารถเป็นอะไรก็ได้ดังใจหวัง…”
“…และคนอื่น ๆ ก็ต้องต่อสู้กันเอง หรือพยายามทำลายผู้หญิงคนอื่น แทนที่จะช่วยกันส่งเสริม ซึ่งฉันเองก็กำลังพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้อยู่ ฉันแค่พยายามจะทำให้ดีที่สุด แต่ทำไมฉันถึงต้องถูกโจมตีด้วยล่ะ ? “
แม้หลายคนจะมองว่าสวีนนีย์มีรูปร่าง หน้าตา และภาพลักษณ์ที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝัน แต่ความเป็นสาวผมบลอนด์ที่มาพร้อมกับรูปร่างที่น่าดึงดูดนั้นกลับสร้างปัญหาให้กับชีวิตของเธอโดยเฉพาะเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น สวีนนีย์เคยให้สัมภาษณ์เปิดใจกับนิตยสาร Glamour ของอังกฤษว่า ตอนช่วงมัธยมปลาย รูปร่างและหน้าอกที่ใหญ่เกินวัยทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ และไม่ปลอดภัยอย่างมาก เธอมักจะต้องใส่เสื้อสเวตเตอร์ตัวใหญ่ ๆ เพื่อปกปิดร่างกาย จนทำให้เธอมีความคิดอยากผ่าตัดแก้ไขเพื่อลดขนาดหน้าอกเมื่ออายุครบ 18 ปี
แต่คนที่เปลี่ยนความคิด และทำให้เธอกลับมาเข้าใจและมั่นใจในรูปร่างของตัวเธอเองก็คือครอบครัว โดยเฉพาะแม่ที่คัดค้านไม่ให้เธอไปผ่าตัดหน้าอก เพราะมันอาจจะทำให้เธอเสียใจในภายหลัง ซึ่งเธอได้พูดถึงความรัก มั่นใจ และภาคภูมิใจในร่างกายของตนเอง โดยไม่ต้องรอให้คนอื่นใช้สายตาหรือบรรทัดฐานใด ๆ มาตัดสินว่าดีหรือไม่ดี สวยหรือไม่สวย
“ฉันดีใจมากที่ไม่ได้ทำแบบนั้น ฉันชอบร่างกายของฉัน ร่างกายของคนทุกคนล้วนมีความสวยงาม เมื่อคุณมั่นใจและมีความสุขจากภายใน มันก็จะแสดงออกมาให้คนอื่นได้เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจงอวดสิ่งที่คุณมี เป็นเจ้าของมัน และรักมัน”
สวีนนีย์ยังพูดถึงความจำเป็นของฉากเซ็กซี่ ฉากเปลือย หรือแม้แต่ฉากทางเพศของตัวละครในหนัง ซึ่งหลายคนมักจะวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมและมองว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ฉากเปลือยของผู้ชายและผู้หญิง กลับเป็นที่พูดถึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ถึงอย่างนั้น เธอกลับมองว่าสิ่งนี้ยังคงจำเป็น เฉกเช่นเดียวกับในหนังเรื่อง ‘Eden’ หนังแนวระทึกขวัญเอาตัวรอด ผลงานการกำกับของ รอน ฮาวเวิร์ด (Ron Howard) ซึ่งมีฉากที่ จูด ลอว์ (Jude Law) เปลือยกายปรากฏอยู่ในหนัง
“คือด้วยความที่หนังเรื่องนี้ยังไม่ได้ฉายให้ผู้ชมดูจริง ๆ ฉันเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าผู้คนจะพูดถึงมันยังไงค่ะ แต่สิ่งที่ฉันอยากจะสื่อก็คือ ฉันเองสนับสนุนค่ะ ฉันเองสนับสนุนการมีฉากเปลือยและฉากทางเพศเสมอ ถ้าหากมันมีความสำคัญต่อเรื่องราวและตัวละคร”
“ซึ่งสำหรับตัวละครของจูด การทำสิ่งนั้นมันจึงเป็นอะไรที่ทรงพลังสำหรับเขาอย่างมาก ดังนั้นตัวฉันเองจึงสนับสนุนในเรื่องนี้ ถ้าหากว่ามันเหมาะสมกับตัวละคร เพื่อให้ตัวละครได้เล่าเรื่องราวออกมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม”