‘Notting Hill’ (1999) คือ 1 ในหนังรอมคอมคลาสสิกอายุครบเบญจเพสที่หลายคนยังคงหลงรัก ตั้งแต่เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในย่านน็อตติงฮิลล์ของนายกระจอก วิลเลียม แท็กเกอร์ กับแอนนา สก็อตต์ นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง รักในเคมีการแสดงที่น่ารักและเข้ากันสุด ๆ ของนักแสดงตัวพ่อตัวแม่หนังรอมคอม ฮิว แกรนต์ (Hugh Grant) และ จูเลีย โรเบิร์ตส์ (Julia Roberts) รวมไปถึง “When You Say Nothing At All” เพลงประกอบภาพยนตร์จากการคัฟเวอร์ของ โรแนน คีตติง (Ronan Keating) ที่ฮิตระเบิดไปทั่วทั้งโลก

แต่ดูจะกลายเป็นเรื่องชอร์ตฟีลคนดู เมื่อนักแสดงของหนังรอมคอมแสนรักเรื่องนี้กลับไม่ได้ปลื้มกับบทบาทที่เขาอยากจะแสดงสักเท่าไรนัก คนหนึ่งแน่ ๆ เลยก็คือแกรนต์ ที่ออกมาเปิดเผยในคลิปย้อนดูผลงานเก่า ๆ ของเขากับ Vanity Fair ว่า เขาเองไม่ได้รู้สึกชื่นชอบคาแรกเตอร์ของ วิลเลียม แท็กเกอร์ เจ้าของร้านหนังสือ The Travel Book Co. และมองว่าคาแรกเตอร์ที่เขาสวมบทบาทนั้นน่าเกลียด เพราะไม่มีความกล้าหาญในการตัดสินใจอันเด็ดขาดในสถานการณ์คับขันเอาเสียเลย

แกรนต์พูดถึงฉากที่วิลเลียมและแอนนาเริ่มคบหากันแบบลับ ๆ แอนนามาที่บ้านของวิลเลียมเพื่อหลบซ่อนตัวจากกระแสข่าวและปาปารัสซี แต่กลายเป็นว่าตอนเช้าตรู่ นักข่าวและปาปารัสซีกลับตามมารุมล้อมรอถ่ายรูปและสัมภาษณ์ที่หน้าบ้านของวิลเลียมเต็มไปหมด แอนนาเผลอเปิดประตูก่อนจะถูกปาปารัสซีรุมถ่ายรูป แอนนาจึงรู้สึกไม่พอใจและออกจากบ้านของวิลเลียมไปในที่สุด

Julia Roberts Hugh Grant Notting Hill

“ทุกครั้งที่ผมเปลี่ยนช่องทีวี (และเจอช่องที่กำลังฉายหนัง ‘Notting Hill’ อยู่) หลังจากดื่มไปแล้ว 2-3 แก้ว และดูมาจนถึงซีนนี้ ผมก็จะคิดว่า ‘ทำไมตัวละครของผมมันถึงไม่มีความกล้าเลยนะ’ มันมีฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้ ที่เธอ (แอนนา) อยู่ในบ้านของผม แล้วพวกปาปารัสซีก็เดินมาที่หน้าประตูแล้วกดกริ่ง ผมเลยปล่อยให้เธอเดินผ่านผมไปแล้วเปิดประตู มันเป็นอะไรที่แย่มากเลย”

“ผมไม่เคยมีแฟนคนไหน หรือแม้แต่ภรรยาของผมที่ไม่พูดถึง (ฉากนี้ที่ผมแสดง) ว่า ‘ทำไมคุณถึงไม่ยอมหยุดเธอเอาไว้ล่ะ ? คุณคิดอะไรอยู่เหรอ ?’ แล้วผมก็ไม่รู้จะหาคำตอบดี ๆ มาตอบยังไงเลย มันเป็นไปตามบทที่เขียนเอาไว้น่ะ ผมเลยคิดว่าเขาช่างเป็นคน (ตัวละคร) ที่น่ารังเกียจซะจริง ๆ”

‘Notting Hill’ เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับผู้ล่วงลับ โรเจอร์ มิเชลล์ (Roger Michell) และเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของแกรนต์กับมือเขียนบทสายรอมคอม ริชาร์ด เคอร์ติส (Richard Curtis) ส่วนแกรนต์ในยุค 90s กลายเป็นนักแสดงเจ้าพ่อรอมคอมครั้งแรกหลังจากรับบทนำใน ‘Four Weddings and a Funeral’ (1994), ‘Nine Months’ (1995) ก่อนจะดังเปรี้ยงกับ ‘Notting Hill’ รวมทั้ง ‘Bridget Jones’s Diary’ (2001) และ ‘Love Actually’ (2003)

การได้แกรนต์มารับบทที่ทำให้เขาโด่งดัง และพาให้หนังโด่งดังไปด้วยต้องยกเครดิตให้ทีมงาน ที่มองว่าเขาเหมาะสมกับบทบาทนี้อย่างเป็นเอกฉันท์ มิเชลล์เคยให้เหตุผลว่า “ฮิวคือคนที่ทำให้บทที่ริชาร์ดเขียนมีชีวิตมากกว่าคนอื่น ๆ และริชาร์ดเองก็เขียนบทให้ฮิวดูมีชีวิตได้ดีที่สุดเช่นกัน ผมคิดว่านี่เป็นความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบระหว่างนักแสดงกับคนเขียนบท ฮิวได้นำเอาทักษะที่ยอดเยี่ยมมาสู่บทบาทนี้ ซึ่งผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าใครจะทำได้ดีกว่า”

แต่หลังจากผ่านพ้นยุคสมัยแห่งรอมคอม แกรนต์ก็ถอยห่างจากหนังเรื่องนี้ไป ซึ่งเขาเองก็ออกมายอมรับว่าเขาแก่เกินไปสำหรับหนังแนวนี้จริง ๆ หนังรอมคอมเรื่องท้าย ๆ ที่เขาเคยแสดงก็คือ ‘The Rewrite’ (2014) ที่มาพร้อมกับการให้สัมภาษณ์ของเขาที่มักจะแสดงความคิดเห็นแง่ลบต่อบรรดาหนังรอมคอม รวมถึงผลงานหนังในอดีตทั้งหลายที่เขาเคยแสดงมา นอกจากนี้เขายังเคยออกมาคอมเมนต์ถึงหนังเรื่องนี้ในเชิงลบอยู่หลายครั้ง

Julia Roberts Hugh Grant Notting Hill

นอกจากนี้เขาเคยให้สัมภาษณ์แบบขำลึก ๆ เกี่ยวกับหนังรอมคอมกับ Wired ว่า เขามีความคิดอยากจะ ‘รื้อสร้าง’ หนังรอมคอม ด้วยการสร้างตอนจบที่เจ็บแต่จริง แทนที่จะจบแบบสวยงามเหมือนอย่างในหนังรอมคอมทั่ว ๆ ไป

“ไอ้แนวคิดที่ว่าผู้ชายและผู้หญิงจะต้องอยู่ด้วยกัน (ในตอนจบ) น่ะ มันคือการโกหกคำโตทั้งนั้นครับ ผมอยากจะทำภาคต่อของหนังโรแมนติกคอเมดีของผมเอง ที่จะทำให้เห็นว่าพอหนังจบลงแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อจะโชว์ให้เห็นว่า การจบแบบมีความสุขมันคือคำโกหกตอแหลที่แสนจะน่ากลัวมาก”

“ผมอยากจะแสดงร่วมกับจูเลียในเรื่องราวเกี่ยวกับการหย่าร้างที่น่ากลัวที่สุด มีทนายความค่าตัวโคตรแพง ลูก ๆ น้ำตาไหลนองหน้าเพราะตกอยู่ในสถานการณ์แย่งชิง และได้รับผลกระทบทางจิตใจไปตลอดชีวิต อะไรแบบนี้…”

แม้เขาจะไม่ชอบบทบาทของตัวเองใน ‘Notting Hill’ (เช่นเดียวกับหนังหลาย ๆ เรื่อง) แต่ในคลิปเดียวกัน เขาเองได้กล่าวชื่นชมถึงเพื่อนนักแสดงอย่างโรเบิร์ตส์ ที่เคยเกือบจะปฏิเสธบทบาทซูเปอร์สตาร์สาวผู้พบรักแท้มาแล้ว

“ตลอดเวลาที่ผมทำงานกับจูเลีย ก็เหมือนนักแสดงที่เก่ง ๆ ทุกคนเลยครับ ผมรู้สึกว่า โอ้พระเจ้า เธอนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ ผมคงทำได้ไม่ดีเท่าเธอหรอก และเธอก็แสดงอารมณ์ได้เก่งมาก เธอดูเป็นคนที่มีความเปราะบางมาก ๆ ชนิดที่สามารถมองทะลุเข้าไปเห็นจิตวิญญาณของเธอได้เลย”