‘The Parent Trap’ (1998) หนังครอบครัวอารมณ์ดี ผลงานการร่วมเขียนบทและกำกับครั้งแรกของ แนนซี มายเยอร์ส (Nancy Meyers) ที่นอกจากจะสนุกสนานไปด้วยเรื่องราวครอบครัวสุดวุ่นวาย การแสดงของลินด์ซีย์ โลฮาน (Lindsay Lohan) สาวน้อยวัย 12 ปีที่ต้องรับบทเด็กหญิงฝาแฝดต่างบุคลิก ยังเก่งเกินวัยจนทำให้เธอกลายมาเป็น Teen Queen แห่งยุค 2000 และทำให้ผู้ชมในเวลานั้นยังสงสัยว่าทีมงานไปแคสติงเด็กหญิงฝาแฝดมาจากไหน ทั้งที่หนังเรื่องนี้คือผลงานแรกในชีวิตของเธอด้วยซ้ำ

โลฮานวัย 38 ปี ที่หายหน้าหายตาจากวงการ เริ่มกลับมามีผลงานการแสดงในปีนี้อย่างจริงจังอีกครั้ง ตั้งแต่การกลับมาปรากฏตัวฐานะ Cameo ใน ‘Mean Girls’ ฉบับรีเมก รวมทั้งรับบทในหนังรอมคอมของ Netflix ทั้ง ‘Irish Wish’ และหนังต้อนรับคริสต์มาส ‘Our Little Secret’ ที่กำลังจะเข้าฉายเร็ว ๆ นี้ ได้มีโอกาสเล่าย้อนถึงผลงานแรกสุดของเธอในรายการทอล์กโชว์ Watch What Happens Live with Andy Cohen

เธอเล่าย้อนไปตอนวันรอบปฐมทัศน์ของ ‘The Parent Trap’ ท่ามกลางบรรยากาศความตะลึงของผู้ชมที่ทราบ และความสงสัยของผู้ชมที่ไม่ทราบ แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงอย่าง ไมเคิล ไอส์เนอร์ (Michael Eisner) CEO ของ Walt Disney ผู้มีผลงานในการเข้าซื้อกิจการสื่อ ABC และ ESPN ในเวลานั้นก็ยังไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเด็กหญิงฝาแฝด ฮัลลี-แอนนี คือการแสดงของโลฮานเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอจึงได้มีโอกาสตอบด้วยความไร้เดียงสา

Dennis Quaid, Natasha Richardson, Simon Kunz, Lindsay Lohan, Erin Mackey, Ronnie Stevens, Lisa Ann Walter Parent Trap

“‘The Parent Trap’ เป็นหนังเรื่องแรกที่ฉันไปออดิชันเลยค่ะ และหลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ไปออดิชันอีกเลย (ในงานรอบปฐมทัศน์) ไมเคิล ไอส์เนอร์ ถามฉันว่า ‘แล้วฝาแฝดของหนูอยู่ไหนจ๊ะ ?’ ฉันก็เลยตอบไป คือด้วยความที่ฉันยังเด็กมากตอนนั้น ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป แต่ฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งที่ฉันพูดเด็ดขาด ฉันพูดออกไปว่า ‘คุณควรจะจ่ายค่าตัวให้หนูเป็น 2 เท่านะคะ เพราะว่าหนูไม่มีเงิน !'”

‘The Parent Trap’ เป็นงานรีเมกจากหนังชื่อเดียวกันที่ออกฉายในปี 1961 เรื่องราวของนิกและลิซ สามีภรรยาที่หลงรักและแต่งงานกันบนเรือสำราญ ก่อนจะให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝด ก่อนจะหย่าร้างจากกัน ลิซพาแอนนีไปอยู่ที่ลอนดอน ส่วนฮอลลีอยู่กับพ่อที่แคลิฟอร์เนีย จนกระทั่งอีก 11 ปีต่อมา แอนนีและฮอลลีพบกันโดยบังเอิญในระหว่างเข้าค่ายฤดูร้อน ทั้งคู่ไม่ชอบหน้าจนทะเลาะกัน จนพบว่าตนเองเป็นพี่น้องฝาแฝดพ่อแม่เดียวกัน ทั้งคู่จึงวางแผนสลับตัวกันหลังจากกลับไปอยู่ที่บ้าน เพื่อหวังจะให้พ่อกับแม่ได้กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง

ตัวหนังได้รับกระแสแง่บวกจากทั้งคำวิจารณ์และรายได้ ทำรายได้เปิดตัวเป็นอันดับที่ 2 บน Box Office ของสหรัฐอเมริกา เป็นรองแค่หนังสงครามฟอร์มยักษ์ ‘Saving Private Ryan’ (1998) และทำรายได้ทั่วโลก 92 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 15 ล้านเหรียญ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการแสดงของโลฮาน อดีตนางแบบเด็กที่มีผลงานตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และเคยผ่านงานแสดงสมทบในซีรีส์ ‘Another World’ (1996–1997) ของช่อง NBC ก่อนจะสามารถเอาชนะนักแสดงเด็กหญิงกว่า 1,500 คนที่ส่งเทปเข้ามาออดิชัน

แม้ว่านี่จึงเป็นผลงานการแสดงหนังครั้งแรก แต่โลแฮน วัย 11 ขวบ ก็สามารถเอาชนะใจผู้กำกับอย่างมายเยอร์สได้ เพราะเธอมองว่านี่คือ ไดแอน คีตัน (Diane Keaton) ตัวน้อย ๆ ที่ต้องรับภาระในการรับบทฝาแฝด 2 บุคลิก 2 สำเนียงการพูดที่แตกต่างกัน เบื้องหลังก็คือ ทีมงานต้องถ่ายทำการแสดงของโลแฮนร่วมกับ เอริน แม็กคีย์ (Erin Mackey) ตัวแสดงแทนที่มีรูปร่างคล้าย ๆ โลแฮน

ก่อนจะเริ่มถ่ายทำซีนเดิมซ้ำอีกรอบด้วยการให้โลแฮนสลับไปแสดงอีกบทบาท โดยระหว่างนั้นเธอต้องใส่หูฟังที่อัดเสียงตัวเองเอาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อจับจังหวะในการสนทนาได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะให้ทีมงานวิชวลเอฟเฟกต์นำใบหน้าของโลแฮนมาแปะเข้ากับใบหน้าของแม็กคีย์ได้อย่างแนบเนียนจนแม้แต่ CEO ยังจับไม่ได้ และยังส่งให้เธอแจ้งเกิดในฐานะราชินีหนังวัยรุ่นที่มีผลงานการแสดงอีกมากมายโดยไม่จำเป็นต้องไปออดิชันอีก โดยเฉพาะของค่ายบ้านหนูยักษ์ อาทิ ‘Freaky Friday’ (2003), ‘Mean Girls’ (2004), ‘Herbie: Fully Loaded’ (2005) ฯลฯ

Lindsay Lohan Parent Trap

ก่อนที่เธอจะเข้าสู่วังวนข่าวฉาว ตั้งแต่การติดแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และมีพฤติกรรมคลั่งผอม ก่อนจะถูกจับกุมข้อหาเมาแล้วขับ ฝ่าฝืนการคุมประพฤติ ไม่เข้ารับการบำบัดนับไม่ถ้วน แถมยังเคยก่อเหตุลักขโมยสร้อยคอจากร้านเพชร ค้างค่าห้องพักและค่าอาหารของโรงแรมหรู ทำให้ชีวิตของเธอวนเวียนอยู่กับศาลและคุกจนถูกฮอลลีวูดแบน จนภายหลังเธอได้เข้ารับการบำบัดแอลกอฮอล์และยาเสพติด จนสามารถกลับมาปรากฏตัวได้อย่างสง่างามอีกครั้ง

แม้โลฮานจะไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะว่า เธอได้รับค่าจ้างจากการแสดงใน ‘The Parent Trap’ มากน้อย หรือคุ้มค่าต่อการแสดง 2 บทบาทขนาดไหน แต่บทรับเชิญสั้น ๆ ใน ‘Mean Girls’ ฉบับรีเมก ก็ทำให้เธอได้รับค่าตัวแบบสมน้ำสมเนื้อถึง 500,000 เหรียญ

และในวาระที่ Disney ได้ประกาศสร้างหนังภาคต่อ ‘Freaky Friday’ ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการแล้วว่า ‘Freakier Friday’ ที่เธอจะกลับมารับบทสลับร่างกับ เจมี ลี เคอร์ติส (Jamie Lee Curtis) อีกครั้ง และมีกำหนดฉายในปี 2025 ซึ่งเธอเองได้เปิดเผยว่า หากบ้านหนูยักษ์มีแผนที่จะรีบูต ‘The Parent Trap’ เธอเองก็ยินดีและพร้อมที่จะกลับไปปรากฏตัวอีกครั้งด้วยเงื่อนไขบางอย่าง

“…ถ้าแนนซี มายเยอร์ส ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ฉันก็โอเคค่ะ ฉันจะไม่ปฏิเสธแนนซีเด็ดขาด”