[รีวิว] Wicked Part 1 – เรียกน้ำย่อยได้อร่อยจนอดรอเมนคอร์สแทบไม่ไหว

Release Date

21/11/2024

ความยาวหนัง

160 นาที

ผู้กำกับ

จอน เอ็ม ชู

นักแสดง

อาเรียอานา แกรนเด. ซินเธีย เอริโว, มิเชล โหย่ว, เจฟฟ์ โกลด์บลัม

[รีวิว] Wicked Part 1 – เรียกน้ำย่อยได้อร่อยจนอดรอเมนคอร์สแทบไม่ไหว
Our score
10.0

[รีวิว] Wicked Part 1 – เรียกน้ำย่อยได้อร่อยจนอดรอเมนคอร์สแทบไม่ไหว

เรียกน้ำย่อยได้อร่อยจนอดรอเมนคอร์สไม่ไหว

ความดีงามของ 'Wicked' คงปฏิเสธ 'ต้นฉบับ' อย่างบทละครบรอดเวย์ที่ยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์ของผู้กำกับอย่างจอน เอ็ม ชู (Jon M. Chu) คือสิ่งที่ทำให้ 'Wicked' ในฉบับภาพยนตร์เป็นมากกว่าแค่ มิวสิคัลผ่านกล้องภาพยนตร์ เพราะไม่เพียงการคิดงานวิฌวลที่ทำถึงและเกินคาดเท่านั้น แต่การเลือกวัตถุดิบที่ทุกอย่างออกมาพอเหมาะพอเจาะคือกุญแจสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ตัวหนังเข้าไปนั่งในใจผู้ชมที่แม้แต่คนที่เคยชมมิวสิคัลต้นฉบับมาแล้วก็ยังน่าจะแตะเลเวลน่าพึงพอใจหรืออย่างน้อยก็ไม่เสียดายของแหละน่า

จุดเด่น

  1. ดัดแปลงจากบรอดเวย์ได้ไม่เสียของ
  2. เอเรียอานา แกรนเด กับ ซินเธีย เอริโว คือวัตถุดิบหลักและชูรสให้หนังได้ถึงเครื่องทั้งการแสดงและการร้องเพลง
  3. งานวิฌวลตื่นตา คื่นใจ
  4. มีงานพากย์ไทยที่น่าพึงพอใจ

จุดสังเกต

  1. การทิ้งช่วงห่างระหว่างภาคอาจทำให้ผู้ชมลงแดงได้
  2. เพลงภาษาไทยบางส่วนยังไม่ค่อยกลมกลืนกับทำนองต้นฉบับ
  • บทภาพยนตร์

    10.0

  • การแสดง

    10.0

  • โปรดักชัน

    9.8

  • ความบันเทิง

    10.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    10.0

‘The Wonderful Wizard of Oz’ คือนิยายแฟนตาซีที่ตึพิมพ์ปี ค.ศ. 1900 ของ แอล แฟรงค์ บอม (L. Frank Baum) อันเป็นต้นธารของ ‘The Wizard of Oz’ ภาพยนตร์สุดคลาสสิคที่ออกฉายในปี ค.ศ. 1939 และไม่เพียงเท่านั้น นิยายของบอมและ เรื่องราวของ โดโรธีพร้อมผองเพื่อนได้ถูกเล่าขานในหลากหลายสื่อทั้งละครเวทีและภาพยนตร์ กระทั่งถูกดัดแปลงไปเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อมดออซจนกลายเป็น ‘Oz the great and Powerful’ ของสตูดิโอดิสนีย์ฉายปีค.ศ. 2013 ซึ่งเนื้อหามีการดัดแปลงให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและแอบดาร์คหน่อย ๆ

แต่อีกด้านของการดัดแปลงที่ได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กันคือการกลายเป็นละครบรอดเวย์ในชื่อ ‘Wicked’ ที่เล่าเรี่องราวมิตรภาพของ 2 จอมเวทย์ได้แก่ กาลินดา สาวโฉมงาม (รับบทโดย เคิร์สเทน ชีโนเวิร์ธ, Kirsten Chenoworth) และ เอลฟาบา ผู้มีผิวสีเขียวและสังคมรังเกียจแม้แต่พ่อของเธอเอง โดยเปิดม่านแสดงในปี ค.ศ. 2003 พร้อมความสำเร็จระดับปรากฎการณ์ โดยเฉพาะรางวัล โทนี อวอร์ด (Tony Award) ที่ตกเป็นของ อิดินา เมนเซล (Idina Menzel) ผู้รับบท เอลฟาบา ก่อนที่ต่อมาเธอจะกลายเป็นไอคอนของเด็กสาวทั่วโลกจากการให้เสียงพากย์ เอลซ่า ใน ‘Frozen’ แอนิเมชันระดับปรากฎการณ์ของดิสนีย์พร้อมเพลง ‘Let it go’ ที่กระหึ่มไปทั่วโลก

Major Cineplex logo
สนับสนุนโดย Major Cineplex

และสำหรับเรื่องราวใน ‘Wicked’ หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือ ‘Wicked Part 1’ ก็จะเริ่มเรื่องราวด้วยภาพของ กาลินด้านางฟ้าคนงาม (รับบทโดย แอริอานา กรานเด, Ariana Grande) ลอยตัวมากับฟองอากาศยังมันช์กินแลนด์เพื่อประกาศข่าวดีว่า แม่มดแห่งแดนตะวันตกผู้ชั่วร้ายได้ตายตกไปแล้ว ต่อไปนี้ความสงบร่มเย็นที่พ่อมดแห่งออซเคยสัญญาไว้ได้ “คืนความสุข” ให้ชาวเมืองพร้อมกับความสะใจทีชาวบ้านได้ร้องรำทำเพลง ‘No One Mourns The Wicked’ เพื่อบอกว่าชีวิตอันชั่วร้ายอย่าหมายให้ใครเสียดายก่อนที่คำถามหนึ่งถูกไปสะกิดใจ กาลินด้า ว่าเธอเคยเป็นเพื่อนกับแม่มดร้ายจริงหรือไม่และเรื่องราวในอดีตก็ถูกเผยออกมา

ในวันแรกที่ มหาวิทยาลัยชิตซ์ กาลินด้า ได้พบกับ เอลฟาบ้า (รับบทโดย ซินเธีย เอริโว, Cynthia Erivo) สาวตัวเขียวผู้มีพลังเวทย์โดดเด่นจนไปเตะตา มาดามมอริเบิล (รับบทโดยมิเชล โหย่ว, Michelle Yeoh) คณบดีภาควิชาเวทมนตร์ จนเธอรับ เอลฟาบ้า เพื่อเข้าเรียนวิชาสัมมนาด้านพลังเวทย์ของเธอ สร้างความอิจฉาให้ กาลินด้า จนทั้งสองเป็นดั่งไม้เบื่อไม้เมาของกันและกัน และแม้ เอลฟาบ้า จะได้รับโอกาสศึกษาที่ชิตซ์เพื่อชดเชยกับที่เธอถูกพ่อแท้ ๆ ชิงชังในรูปโฉมโนมพันธุ์อันประหลาดและน่ารังเกียจ เอลฟาบ้า กลับพบสังคมที่ชิตซ์ เต็มไปด้วยการแบ่งแยกและความชิงชังโดยเฉพาะนโยบายใหม่ที่ห้ามสัตว์ไม่ให้สามารถพูดภาษามนุษย์และงดสอนหนังสือ

เอลฟาบ้า เกิดแรงผลักดันให้เธอพยายามฝึกเวทย์มนตร์เพื่อโอกาสในการได้เข้าเฝ้าพ่อมดแห่งออซอันทรงเกียรติเพื่อหวังพลังเมตตาต่อช่วยให้เหล่าสรรพสัตว์ได้กลับมาเปล่งเสียงพูดและมีเกียรติมากพอจะได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่มนุษย์อีกครั้งแต่ในระหว่างทางนั้นเอลฟาบ้าจำต้องฝ่าฟันอคติของทุกคนที่ชิตซ์ และเอาใจออกห่างจากความหวั่นไหวที่มีต่อ เจ้าชายฟิเยโร่ (รับบทโดย โจนาธาน เบลีย์, Jonathan Bailey) ที่ดันเป็นที่หมายปองของ กาลินด้า ศัตรูเมื่อแรกเจอและมิตรแท้เมื่อเวลาผันผ่าน

BT Buzz รีวิว Wicked Part 1
BT Buzz รีวิว Wicked Part 1

ยอมรับเลยว่าความดีงามของ ‘Wicked’ คงปฏิเสธ ‘ต้นฉบับ’ อย่างบทละครบรอดเวย์ที่ยอดเยี่ยมพร้อมรางวัลโทนี่ อวอร์ด การันตีไปไม่ได้ แต่แน่นอนว่าวิสัยทัศน์ของผู้กำกับอย่างจอน เอ็ม ชู (Jon M. Chu) คือสิ่งที่ทำให้ ‘Wicked’ ในฉบับภาพยนตร์เป็นมากกว่าแค่ มิวสิคัลผ่านกล้องภาพยนตร์ เพราะไม่เพียงการคิดงานวิฌวลที่ทำถึงและเกินคาดเท่านั้น แต่การเลือกวัตถุดิบที่ทุกอย่างออกมาพอเหมาะพอเจาะคือกุญแจสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ตัวหนังเข้าไปนั่งในใจผู้ชมที่แม้แต่คนที่เคยชมมิวสิคัลต้นฉบับมาแล้วก็ยังน่าจะแตะเลเวลน่าพึงพอใจหรืออย่างน้อยก็ไม่เสียดายของแหละน่า

หลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นความฉลาดในการเลือกใช้ภาพของ ชู ปรากฎมันตั้งแต่เฟรมแรก ๆ ของหนังด้วยการให้ผู้ชมมองผ่านกล้องที่ลอยเหนือออซก่อนจะมีภาพคุ้นตาอย่างโดโรธีที่ออกเดินทางบนถนนอิฐเหลืองพร้อมเพื่อนหุ่นกระป๋อง สิงโต และหุ่นไล่กา คือการใช้อภิสิทธิของ ‘ภาพยนตร์’ ในการเกริ่นนำเรื่องราวได้อย่างฉลาดด้วยกล้องที่เลื่อนผ่านเหมือนบอกคนดูว่านี่คือจักรวาลเดียวกับ ‘Wizard of Oz’ ที่หลายคนหลงรักแต่เรื่องราวที่กำลังจะได้ดูไม่ใช่ภาพที่เคยผ่านตาพวกคุณมาก่อน ซึ่งสร้างทั้งความประทับใจให้แฟนหนังต้นฉบับ แฟนนิยาย หรือแม้แต่ทำให้ผู้เคยชมบรอดเวย์มาก่อนถูกเชื้อเชิญในฐานะแขกอันทรงเกียรติสู่เรื่องราวที่เขาจะเล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกจุดที่ ชู ได้สำแดงเดชในฐานะผู้กำกับที่ช่ำชองกับสายมิวสิคัลและหนังเต้น คือการหยิบเลือกนักแสดงและทีมงานที่เป็น ‘ของจริง’ เพราะเทคนิคถ่ายทำที่ ชู เลือกคือการวางเดิมพันทั้งหมดกับความสามารถของนักแสดงจริง ๆ โดยเฉพาะการเลือกใช้การอัดเสียงสดในกองถ่าย และพึ่งพาความสามารถในการร้องและเต้นของนักแสดงนำและอองซอมเบิล (Assemble)ซึ่งถือเป็นสารอาหารหลักที่เหล่าผู้เสพมิวสิคัลต่างต้องการ และแน่นอนว่าเมื่อเสพถึงเฟรมสุดท้ายแล้วหนังดันขึ้นว่า ‘To be continue’ ทีนี้ก็แทบลงแดงกันเลยเพราะต้องยอมรับว่า งานกำกับของ ชู ทำให้ความมิวสิคัลออกฤทธิ์รุนแรงและทิ้งสารตกค้างให้ผู้ชมกลับมาต้องหาเพลงฟังหรืออัดคลิปติ๊กต็อกคัฟเวอร์ซีนในหนังเพื่อบรรเทากันถ้วนหน้า

และไฮไลต์นอกจากงานกำกับและเทคนิคต่าง ๆ ที่ ชู นำมาใช้ดังที่กล่าวแล้ว แคสต์นักแสดงของหนังยังถือว่าติ๊กถูกต้องได้แบบครอบจักรวาลในเช็กลิสต์ ทั้งในส่วนของ อาเรียอานา แกรนเด ที่ก้าวข้ามพรมแดนของการเป็นนักร้องสู่นักแสดงคุณภาพได้อย่างงดงามทั้งที่เป็นบทนำครั้งแรก และที่ต้องปรบมือให้เลยคือ ซินเธีย เอริโว ที่ก้าวข้ามอคติคำก้นด่าจากบททิงเกิลเบลในปีเตอร์แพนฉบับดิสนีย์ที่จุดประเด็นก่อกระแสต่อต้านความโว้ค มาสู่การรับบท เอลฟาบ้า ที่สำคัญในฉากที่กาลินด้าและเอลฟาบ้าเดินทางถึงออซครั้งแรกและได้ชมการแสดงละครที่บอกเล่าเรื่องราวของพ่อมดออซ ยังมีนักแสดงต้นฉบับจากบรอดเวย์มาเซอร์ไพรส์และเหมือนเป็นการส่งต่อบทบาทให้ทั้งคู่จนทำให้สาวกฉบับบรอดเวย์อดน้ำตาซึมปลื้มปริ่มไม่ได้เลยทีเดียว

และหากจะให้ทิ้งท้ายและบอกว่าข้อเสียของ ‘Wicked Part 1’ คืออะไรก็คงหนีไม่พ้นการที่เราจะต้องรออีก 1 ปีกว่าที่หนังในภาคที่ 2 จะได้กลับมาฉายและร่ายมนตร์ให้ผู้ชมติดในภวังค์แบบนี้อีกนั่นแหละ ส่วนใครที่ลังเลว่าจะชมพากย์ไทยหรือเสียงออริจินัล ก็อยากจะบอกว่างานพากย์ภาษาไทยหนังทำได้ดีเลยทีเดียวจะติดแค่การแปลเนื้อเพลงภาษาไทยบางจุดเท่านั้นเอง ซึ่งต้องยกเว้นเพลง ‘Defying Gravity’ ไว้ล่ะนะ เพราะไม่ว่าจะฟังภาษาไหนผู้ชมต่างยอมจำนนและปล่อยใจให้ฟินไปกับฉากจบที่แตกแตนและใจพองโตได้ไม่แพ้กันเลย

BT Buzz รีวิว Wicked Part 1
กดที่ภาพเพื่อเช็กรอบฉายและซื้อบัตรชมภาพยนตร์