นอกจากเราจะรู้จักนักแสดงหนุ่มใหญ่ จอช โบรลิน (Josh Brolin) ในฐานะนักแสดงเจ้าของบทบาทธานอส (Thanos) วายร้ายตัวเป้งแห่งยุค Infinity War ใน ‘Avengers’ ของ MCU และเคเบิล (Cable) ใน ‘Deadpool 2’ (2018) แล้ว เขาคือนักแสดงมาดนิ่งที่มักจะได้รับบทบาทเข้ม ๆ 1 ในนั้นก็คือหนังอาชญากรรมมาเฟียชั้นดี ‘American Gangster’ (2007) อีก 1 ผลงานกำกับของผู้กำกับชั้นครู ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott)
แม้โบรลิน วัย 39 ปี ในตอนนั้นจะเคยผ่านประสบการณ์การแสดงมาตั้งแต่วัยรุ่น แต่เขาเพิ่งจะได้มีโอกาสปะทะฝีมือกับนักแสดงรุ่นพี่เจ้าของรางวัลออสการ์วัย 53 ปีอย่าง เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความใจเย็นเป็นครั้งแรก แต่กลายเป็นว่า โบรลินกลับเคยหวิดมีเรื่องกับเขามาแล้ว เขาได้ย้อนความทรงจำไว้ในพอดแคสต์ In Depth with Graham Bensinger
“มีช่วงเวลาครั้งหนึ่งที่เราเคยเกือบจะมีเรื่องกันแล้วครับ ตอนที่ผมเจอกับเดนเซล คิดว่าเดนเซลก็น่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้แล้วนะ ตอนนั้นผมแบบ…ก็ไม่รู้สิ ตอนนั้นผมยังไม่มีบท ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปอยู่ตรงนั้นกับนักแสดงไอดอล ที่เคยแสดงในหนังเรื่องหนึ่งที่ผมชอบที่สุดตลอดกาลได้ยังไง”
“…ผมผ่านฉากที่เคยต้องแสดงกับรัสเซล (โครว์) มาแล้ว และหลังจากนั้นผมก็เจอกับเดนเซล เขามาถึงกองถ่ายสายไปนิดหน่อย และมีเวลาเตรียมตัวกันไม่มาก จากนั้นเขาก็ให้ดูบทพูดของผม เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาจะปรับเค้าโครงบทนิดหน่อย ไม่ได้เปลี่ยนบทพูดของผมนะ แต่แค่จัดเรียงใหม่เฉย ๆ เขาพูดว่า ‘เดี๋ยวฉันจะเอาตรงนั้นมาไว้ตรงนี้นะ และเอาตรงนี้ไปไว้ตรงนั้นแทน’ ซึ่งเขาก็พูดโดยที่ไม่สบตาผมเลย”
“…แล้วหลังจากนั้นเราก็ซ้อมกัน บทพูดไม่ได้เยอะอะไร ส่วนใหญ่เป็นของผม แต่บทของผมต้องแสดงออกถึงความมั่นใจมาก ๆ แต่กับเดนเซลนี่สิไม่ง่ายเลย ผมเหมือนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่พยายามจะพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับวงการนี้หรือเปล่า แล้วตอนนั้นผมก็ลืมบท ผมเอามือไปวางบนไหล่เขาแล้วถามว่า ‘บทคืออะไรนะ ?’ แล้วเขาก็ปัดมือออกพร้อมกับพูดว่า ‘อย่าเอามือ-ึงมาแตะตัวกู !'”
“…ตอนนั้นผมคิดในใจว่า ‘-ิบหายแล้ว ผมกำลังจะมีเรื่องกับเดนเซล วอชิงตันจริง ๆ เหรอวะเนี่ย นี่มันแ-่งโคตรบ้าเลย ตอนนั้นในหัวผมเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้เราทั้งคู่ไม่ได้เป็นนักแสดงอีกแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ในความคิดผมเอง”
แม้บุคลิกของวอชิงตัน จะชวนให้นักแสดงรุ่นน้องอย่างโบรลินเข้าใจผิด หวิดให้ชวนทะเลาะ ดราม่า หรือเปลี่ยนมุมมองที่เขามีต่อนักแสดงในดวงใจขนาดไหน แต่สุดท้ายเขาก็เริ่มเข้าใจว่า นี่เป็นเพียงการสวมบทบาท ไม่ได้เกิดจากความขุ่นข้องหมองใจส่วนตัว
“คือในความคิดของเขา เขาก็แค่กำลังทำงานของเขาอยู่นั่นแหละครับ เขากลายเป็น แฟรงก์ ลูคัส แบบเต็มตัว ตอนนั้นผมก็แค่ไม่เข้าใจ แล้วผมก็ผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ ผมเข้าไปถามเขาว่า ‘คุณโอเคไหม ?’ เขาตอบว่า ‘ฉันโอเค แล้วนายล่ะ ?’ ผมตอบไปว่า ‘ผมโอเคครับ ผมสามารถพูดบทของผมต่อเลยได้ไหม ?’ แล้วเขาก็บอกว่า ‘จัดไป’ เหมือนว่าเขาจะได้พูดในบทพูดแบบที่เขาต้องการจะพูดไปแล้วน่ะครับ”
‘American Gangster’ เป็นเรื่องราวเส้นขนานของ ริชชี โรเบิร์ตส์ ที่รับบทโดย รัสเซล โครว์ (Russell Crowe) ตำรวจสายสืบตงฉินฝีมือดีที่สูญเสียเพื่อนไปจากยาเสพติด ที่ได้รับหน้าที่ให้เข้าไปทลายเครือข่ายยาเสพติดของ แฟรงก์ ลูคัส อดีตเด็กขนยาเสพติดที่ก้าวขึ้นสู่การเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดที่รับบทโดยวอชิงตัน ส่วนโบรลิน รับบทเป็น นิก ทรูโป ตำรวจนักสืบกังฉินผู้รับสินบนจากลูคัส ร่วมด้วย ชูวิเท็ล เอจีโอฟอร์ (Chiwetel Ejiofor) และ คิวบา กูดดิง จูเนียร์ (Cuba Gooding Jr.) ตัวหนังทำรายได้ 266 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 สาขา
เพื่อย้ำว่าเขากับวอชิงตันไม่ได้มีเรื่องบาดหมางหรือโกรธเกลียดกันเป็นการส่วนตัว เขายังเผยต่อไปอีกว่า เขากับนักแสดงรุ่นพี่ยังเจอกันและทักทายตามปกติ “เดนเซลกับผมตอนนี้เราสนิทสนมกันดีครับ ผมเคยเจอเขาแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ผมเจอเขาที่งานอะไรสักอย่าง เขาเจอผมแล้วก็ทักว่า ‘จอช !’ แล้วผมก็แบบ ‘เฮ้ย…'”
และเขาเองก็เข้าใจด้วยว่า สถานการณ์ทำนองนี้อาจเกิดขึ้นได้ตามปกติในกองถ่าย โบรลินเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในกองถ่ายหนังคาวบอยคลาสสิกเรื่อง ‘True Grit’ (1969) (ซึ่งโบรลินเองก็เคยร่วมแสดงในฉบับรีเมกปี 2010 ด้วย) ในกองถ่ายนี้ โรเบิร์ต ดูวัลล์ (Robert Duvall) นักแสดงหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องนิสัยโมโห ไม่ชอบวิธีการกำกับแนวก้าวร้าวเผด็จการของผู้กำกับ เฮนรี แฮททาเวย์ (Henry Hathaway) ทำให้ทั้งคู่โต้เถียงกันในกองถ่ายอย่างรุนแรง จนถึงขั้นมีการขู่ว่าจะใช้กำลังกันด้วย
“จริง ๆ ผมเคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาแล้ว มันไม่ได้มีเฉพาะแค่ครั้งนี้ ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของ โรเบิร์ต ดูวัลล์ ซึ่งผมรู้จักเขามานานแล้ว และเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาจากนักแสดงหลาย ๆ คนในกองถ่าย ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนอย่างเดนเซล วอชิงตัน หรือโรเบิร์ต ดูวัลล์ ต้องทำแบบนั้น พวกเขาแค่กำลังทำงานของตัวเขาเองให้ออกมาดีที่สุด”
“ซึ่งผมคิดว่ามันก็สมเหตุสมผลนะ ที่พวกเขาจะเลือกปิดกั้นชีวิตด้านอื่น ๆ ออกไปเพื่อรักษาสมาธิในการรับบทบาทของตัวเขาเอง ส่วนผมก็แค่นักแสดงอ่อนประสบการณ์ ที่อยากจะมีประสบการณ์ร่วมกับพวกเขาเหล่านั้น แต่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาก็แค่กำลังพยายามจะทำงานของพวกเขาก็เท่านั้นเอง”