จอน วัตต์ส (Jon Watts) ผู้กำกับ ‘Wolfs’ ที่ประสบความสำเร็จด้วยการมีผู้ชมจำนวนมหาศาลเป็นประวัติการณ์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิง Apple TV+ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Deadline เกี่ยวกับการที่ ‘Wolfs’ ไม่ได้สร้างภาคต่อ
วัตต์ได้ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ยกเลิกการสร้างภาคต่อด้วยตนเอง ไม่ใช่ทาง Apple แต่อย่างใด พร้อมอธิบายถึงความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างเขากับ Apple หลังจากที่ทางบริษัทได้เปลี่ยนแผนการฉาย ‘Wolfs’ อย่างกระทันหัน จากฉายในโรงภาพยนตร์กลายเป็นฉายเฉพาะบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงเท่านั้น
ผมนำ 'Wolfs' เวอร์ชันตัดต่อสุดท้ายให้ Apple ได้ชม พวกเขาตื่นเต้นกับมันมาก และเปิดไฟเขียวให้ผมเขียนบทภาคต่อทันที แต่การที่ Apple เปลี่ยนแผนในนาทีสุดท้าย จากที่ยืนยันว่าจะฉายในโรงภาพยนตร์กลายเป็นฉายบนบริการสตรีมมิงเท่านั้น เป็นสิ่งที่เซอร์ไพรส์มาก และทางบริษัทตัดสินใจโดยไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบ หรือไม่ได้พูดคุยกับเราแต่อย่างใด
ไม่มีใครบอกผมจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาที่จะเปิดตัวภาพยนตร์ ซึ่งผมตกใจมากและขอให้ Apple ไม่ต้องอ้างถึงการเขียนบทภาคต่อของผม แต่พวกเขาเมินเฉยและบอกทุกอย่างแก่สื่อ ซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับ Apple TV+ ได้ แล้วผมก็ได้คืนเงินสำหรับเขียนบทภาคต่อแก่บริษัทไป
ผมภูมิใจกับภาพยนตร์มาก ผมชอบการได้ร่วมงานกับ แบรด พิตต์ (Brad Pitt) และ จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) และพร้อมที่จะร่วมงานกันอีกครั้ง แต่ความจริงคือ Apple ไม่ใช่ผู้ที่ยกเลิการสร้างภาคต่อของ 'Wolfs' แต่ผมเป็นคนยกเลิกเอง เพราะผมไม่เชื่อใจทางบริษัทอีกต่อไป
‘Wolfs’ เป็นภาพยนตร์อาชญากรรม คอมเมดี้ เล่าเรื่องของ 2 นักแก้ปัญหาฝีมือดีในแวดวงอาชญากรรม ที่ต้องร่วมงานกันอย่างไม่เต็มใจ เพื่อกำจัดเป้าหมายและเก็บกวาดหลักฐานทั้งหมด นำแสดงโดยพิตต์และคลูนีย์ ซึ่งเป็นคู่หูนักแสดงที่ผู้ชมชื่นชอบมาตั้งแต่ ‘Ocean’s Eleven’ (2001), ‘Ocean’s Twelve’ (2004) และ ‘Ocean’s Thirteen’ (2007)
Apple กำลังเร่งขยายเนื้อหาสำหรับ Apple TV+ ด้วยการมอบทุนมหาศาลให้ผู้สร้างภาพยตร์ชื่อดังหลายคนพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ เช่น ‘Killers of the Flower Moon’ (2023) ของ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) และ ‘Napoleon’ (2023) ของ ริดลีย์ สกอตต์ (Ridley Scott) ซึ่งใช้ทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญ ด้วยกันทั้งสิ้น เพื่อแข่งขันกับ Netflix, Prime Video, Disney+ และ HBO Max ในตลาดระดับโลก
อย่างไรก็ดี ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องข้างต้น ได้รับการฉายในโรงภาพยตร์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในวงกว้าง และไม่สามารถทำให้ผู้ชมหันมาสนใจ Apple TV+ ได้อย่างที่บริษัทคาดหวัง ซึ่งทำให้ Apple ตัดสินใจเปลี่ยนแผนการฉายภาพยนตร์ใหม่ให้อยู่เฉพาะบนบริการสตรีมมิงเท่านั้น เพื่อสร้างกระแสให้ผู้ชมสนใจ Apple TV+ มากขึ้น