เดอนีส วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) ผู้กำกับภาพยนตร์ไซไฟสุดยิ่งใหญ่อย่าง ‘Dune’ ทั้ง 2 ภาค ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ The Town ของ แมทธิว เบลโลนี (Matthew Belloni) โดยเปิดเผยว่าเขาโตมากับ ‘Star Wars’ แต่ในมุมมองของเขานั้น แฟรนไชส์เดินไปผิดทางทั้งหมดตั้งแต่ปี 1983 แล้ว
ผมเป็นแฟนตัวยงเลยนะ ตอนที่ผมอายุ 10 ปี ผมหมกมุ่นกับ 'Star Wars' มากจริง ๆ ผมหมายถึง 'The Empire Strikes Back' (1980) เป็นภาพยนตร์ที่ผมยกย่องมากที่สุดในชีวิต ผมไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้นับครั้งไม่ถ้วน และทำให้ผมลุ่มหลงใน 'The Empire Strikes Back' เป็นอย่างมาก
แต่ปัญหาคือ ทุกอย่างพังทลายไปในปี 1983 กับ 'Return of the Jedi' ตอนนั้นผมอายุ 15 ปี ผมกับเพื่อนสนิทอยากนั่งแท็กซี่ไปแอลเอเพื่อคุยกับ จอร์จ ลูคัส (George Lucas) จริง ๆ เราโกรธในภาพยนตร์เรื่องนี้มาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับพวกอีวอค (Ewoks) ที่กลายเป็นเรื่องขำขันสำหรับเด็ก ๆ มาจนถึงทุกวันนี้
ผมคิดว่า 'Star Wars' นั้น ได้รับการเชิดชูในมหากาพย์ที่ดันทุรังสร้างออกมาอย่างต่อเนื่อง มันกลายเป็นเหมือนสูตรสำเร็จมากกว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่ผู้ชม ดังนั้นผมจึงไม่เคยฝันจะสร้าง 'Star Wars' เลย เพราะมันมีกรอบกำหนดมากเกินไป
วีลเนิฟว์ ผู้กำกับและมือเขียนบทเชื้อสายฝรั่งเศส-แคนาดา มีผลงานภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมหลายเรื่อง เช่น ‘Prisoner’ (2013), ‘Sicario’ (2015), ‘Arrival’ (2016) และ ‘Blade Runner 2049’ (2017) เป็นต้น รวมถึงวางโครงสร้างมหากาพย์สงครามบนดวงดาวทะเลทรายใน ‘Dune: Part One’ (2021) และ ‘Dune: Part Two’ (2024) ได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไซไฟที่ดีที่สุดในหลายทศวรรษที่ผ่านมา
สำหรับ ‘The Empire Strikes Back’ นั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาลจากสื่อหลายสำนัก ซึ่งตัวภาพยนตร์ได้ยกระดับความยิ่งใหญ่และเนื้อหาที่ซับซ้อนมากขึ้นจาก ‘Star Wars’ (1977)
ในปัจจุบัน Lucasfilm ได้ชะลอการพัฒนาโปรเจกต์ภาพยนตร์ใหม่ในแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ เกือบทั้งหมด เนื่องจากมีปัญหามากมายในการพัฒนา รวมถึงผู้เขียนบทถอนตัว โดยในตอนนี้มีเพียง ‘The Mandalorian and Grogu’ ของผู้กำกับ จอน ฟาฟวโร (Jon Favreau) ที่ยังคงกำหนดการฉายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2026 เอาไว้เช่นเดิม