ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา (Francis Ford Coppola) ผู้กำกับบรมครูวัย 85 ปี เจ้าของผลงานระดับมาสเตอร์พีซอย่างไตรภาค ‘The Godfather’ (1972, 1974, 1990) และ ‘Apocalypse Now’ (1979) ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Washington Post โดยได้กล่าวขอโทษที่มีส่วนสำคัญทำให้เกิดกระแสการนำคำว่า ‘Part 2’ ไปใช้ตั้งชื่อภาพยนตร์ภาคต่อในยุคต่อมา

คอปโปลากล่าวว่า เขาตัดสินใจใช้คำว่า ‘Part II’ บนชื่อภาคต่อของ ‘The Godfather’ หลังจากได้เห็นนักสร้างภาพยนตร์ชาวรัสเซียทำเช่นเดียวกันกับภาพยนตร์เรื่อง ‘Ivan the Terrible, Part II: The Boyars’ Plot’ (1946) ในขณะที่สตูดิโอไม่ยินยอมในตอนแรก เนื่องจากกังวลว่าผู้ชมจะสับสนแล้วคิดว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน แต่คอปโปลาได้ยืนกรานตามความตั้งใจ

ล่าสุด ผู้กำกับระดับบรมครูผู้นี้ได้ออกมาขอโทษต่อการตัดสินใจในครั้งนั้น

ผมรู้สึกงี่เง่ามากที่ได้เริ่มการใช้ตัวเลขในชื่อภาพยนตร์ ผมรู้สึกละอายมาก และต้องขอโทษทุกท่านเป็นอย่างสูง

The Godfather Part II
ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา และ รอเบิร์ต เดอ นิโร ในกองถ่าย ‘The Godfather Part II’ (1974)

คอปโปลาประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลกับภาพยนตร์ที่ถูกเรียกในเวลาต่อมาว่า “โมเดิร์นคลาสสิก” อย่าง ‘The Godfather’ (1972) ซึ่งคว้า 3 รางวัลออสการ์ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม ต่อเนื่องด้วย ‘The Godfather Part II’ (1974) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้เช่นเดียวกับภาคแรก รวมถึงมหากาพย์สงครามเวียดนามสุดมืดหม่นอย่าง ‘Apocalypse Now’

เขามีผลงานในยุคหลังอย่าง ‘Jack’ (1996) และ ‘The Rainmaker’ (1997) ซึ่งประสบความสำเร็จพอประมาณ และล่าสุดกับ ‘Megalopolis’ (2024) ที่ทะเยอทะยานเล่าเรื่องเชิงปรัชญา และประสบความล้มเหลวด้านรายได้อย่างน่าผิดหวัง

The Godfather Part II
The Godfather Part II (1974)

แม้ว่าผู้สร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวูดจะสร้างภาคต่อมาอย่างมากมายก่อน ‘The Godfather Part II’ แต่ภาพยนตร์ดังกล่าวนั้น มีความยอดเยี่ยมจนผู้สร้างภาพยนตร์หลายคนนำไปเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ผลงานยุคต่อมา รวมถึงการนำคำว่า ‘Part 1’ และ ‘Part 2’ มาใช้เพื่อแบ่งการเล่าเรื่อง เช่น ‘Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1’ (2010), ‘Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 2’ (2011), ‘The Hunger Games: Mockingjay – Part 1’ (2014) และ ‘The Hunger Games: Mockingjay – Part 2’ (2015) เป็นต้น

และเมื่อไม่นานมานี้กับ ‘Dune: Part Two’ (2024) และที่กำลังจะฉายในอนาคตอย่าง ‘Wicked: Part Two’ (2025)

ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์หลายเรื่องก็ไม่ต้องการใช้คำว่า ‘Part 2’ เนื่องจากตั้งใจเดินเรื่องในทิศทางที่มีความสดใหม่มากขึ้น เช่น ‘Avatar: The Way of Water’ (2022) หรือ ‘Top Gun: Maverick’ (2022) เป็นต้น