แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 56 ปี ได้ให้สัมภาษณ์กับ Sunday Times ของสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เขาจะไม่สามารถแสดงบทตัวละครอย่างในภาพยนตร์ ‘Queer’ ของผู้กำกับ ลูกา กวาดาญีโน (Luca Guadagnino) ได้เลย หากยังคงอยู่ในช่วงที่เขารับบท เจมส์ บอนด์ (James Bond)
‘Queer’ ได้รับการดัดแปลงจากนิยายในชื่อเดียวกันของ วิลเลียม เอส. เบอร์โรส์ (William S. Burroughs) โดยเคร็กได้รับบทเป็น วิลเลียม ลี (William Lee) นายทหารเรืออเมริกันในนิวเม็กซิโกที่หลงรักอดีตทหารเรือสหรัฐฯ ที่ถูกปลดประจำการ ชื่อว่า ยูจีน อัลเลอร์ตัน ซึ่งรับบทโดย ดรูว์ สตาร์คีย์ (Drew Starkey)
เคร็กได้กล่าวกับ Sunday Times ว่า
ผมไม่สามารถรับบทแบบนี้ในช่วงที่ผมยังรับบทบอนด์ได้เลย ตอนนั้นเหมือนกับผมกำลังเฉิดฉายอย่างเต็มที่ และไม่ต้องการสร้างประเด็นใด ๆ ที่ทำให้เกิดผลกระทบตามมา
เคร็กได้อธิบายว่า หากเขารับบทตัวละครที่เป็นเกย์ในขณะที่ยังคงเป็นนักแสดงนำของแฟรนไชส์ ‘James Bond’ อยู่นั้น จะกลายเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงในวงกว้างถึงความเป็นชายของตัวละครบอนด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการแต่อย่างใด
มันจะทำให้เกิดประเด็นสนทนาที่ผมไม่ต้องการ แล้วจะถูกโยงไปถึงตัวละครบอนด์ด้วย…บอนด์จะเป็นอย่างนั้นได้ไหม? …เป็นอย่างนี้ได้ไหม? จากนั้นทุกอย่างก็จะกลายเป็นประเด็นร้องแรง ผมไม่ต้องการอย่างนั้นแน่นอน ชีวิตมันสั้นนะ
เขาได้กล่าวต่อว่า
ช่วงแรกที่ผมรับบทบอนด์นั้น ผมคิดว่าผมต้องรับบทอย่างอื่นบ้าง แต่จริง ๆ แล้วผมทำไม่ได้เลย ผมกลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง และผู้สร้างมากมายต้องการให้ผมไปแสดงภาพยนตร์ของพวกเขา
เมื่อสิ้นสุดการรับบทบอนด์ในแต่ละครั้งแล้วนั้น ผมจะเหนื่อยล้ามากและต้องใช้เวลา 9 เดือน เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูทางอารมณ์ ผมเคยคิดมาตลอดว่าการใช้ชีวิตนั้นสำคัญที่สุด แต่เมื่องานกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มันจึงทำให้ผมเครียด
เคร็กได้รับบทสุดยอดสายลับแห่งสหราชอาณาจักรในแฟรนไชส์ ‘James Bond’ จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่ ‘Casino Royale’ (2006), ‘Quantum of Solace’ (2008), ‘Skyfall’ (2012), ‘Spectre’ (2015) และ ‘No Time to Die’ (2021) ซึ่งประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างน่าประทับใจ และนำพาแฟรนไชส์สู่ยุคสมัยใหม่ที่ตัวละครมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น