หลังจากที่หนังภาคต่อไลฟ์แอ็กชันเจ้าเม่นสายฟ้า ‘Sonic the Hedgehog 2’ (2022) เข้าฉาย แฟนหนังหลายคนก็ต้องตะลึงเมื่อได้ทราบข่าวว่า จิม แคร์รีย์ (Jim Carrey) นักแสดงตลกหน้าเป็นระดับตำนาน ได้ออกมาเปิดเผยว่า เขากำลังจะปิดฉาก 40 ปีของเส้นทางบันเทิง ด้วยการเกษียนตัวเองจากอาชีพการแสดง ซึ่งจะทำให้บทบาทเอ้กแมน (Eggman) หรือ ดร. โรบอตนิก (Dr. Robotnik) กลายเป็นบทบาทสุดท้ายในชีวิตของเขา
แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า หลังจากที่มีการประกาศสร้าง ‘Sonic the Hedgehog 3’ ซึ่งกำลังจะเข้าฉายต้อนรับช่วงคริสต์มาสในเร็ววันนี้ ก็มีข่าวที่สร้างความอุ่นใจให้กับแฟน ๆ อีกครั้ง ด้วยการปรากฏตัวของแคร์รีย์ ที่กลับมาสวมบทบาทวายร้ายสติเฟื่องอีกครั้ง แถมภาคนี้ยังเล่นใหญ่ รับบทควบ 2 บทบาทอีกต่างหาก
ล่าสุด แคร์รีย์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ในระหว่างงานฉายรอบปฐมทัศน์ของ ‘Sonic the Hedgehog 3’ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขาได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่ทำให้เขายอมกลืนน้ำลายกลับมารับงานแสดงอีกครั้ง หลังจากที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะยอมกลับมารับงานแสดงก็ต่อเมื่อได้รับบทหนัง ‘ที่นางฟ้าเขียนด้วยหมึกสีทอง’ แคร์รีย์เลยตอบแบบติดตลกตามสไตล์ว่า
“คืออันนั้นผมก็พูดเวอร์ไปหน่อย” (หัวเราะ) “ผมกลับมาในจักรวาลนี้ก็เพราะเหตุผลแรกก็คือ ผมได้รับบทเป็นคนอัจฉริยะ ซึ่งอันนี้ก็ยังเวอร์ไปอีกแหละ ถ้าเอาตรง ๆ คือ ผมซื้อของเยอะมาก ผมก็เลยต้องการเงินน่ะครับ”
หลังผ่านช่วงยุค 90s ยุคทองที่แคร์รีย์มีผลงานการแสดงระดับมาสเตอร์พีซมากมาย ไล่ไปตั้งแต่ ‘Ace Ventura: Pet Detective’ (1994), ‘The Mask’ (1994), ‘Dumb and Dumber’ (1994) และข้ามมารับบทวายร้ายเจ้าปัญหา ริดเลอร์ ใน ‘Batman Forever’ (1996) และก้าวสู่จุดสูงสุดใน ‘The Cable Guy’ (1996) ที่ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงคนแรก ๆ ในฮอลลีวูดที่ได้รับค่าตัวแตะหลัก 20 ล้านเหรียญ ก่อนจะไปสุดยิ่งกว่าด้วยการคว้ารางวัลลูกโลกทองคำจากหนังตลกดราม่า ‘The Truman Show’ (1998) และ ‘Man on the Moon’ (1999)
เมื่อเข้าสู่ยุค 2000 ชื่อของแคร์รีย์เริ่มห่างหายจากวงการไปบ้าง แต่เขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักแสดงมืออาชีพ ที่สามารถแตะเบรกตลกหน้าเป็น และรับบทดราม่าหนักหน่วงได้อย่างเข้าถึง ตั้งแต่บทดราม่าโรแมนติกใน ‘Eternal Sunshine of the Spotless Mind’ (2004), หนังทริลเลอร์หม่น ๆ ‘The Number 23’ (2007) ก่อนจะข้ามฝั่งไปรับงานหนังนอกกระแสใน ‘The Bad Batch’ (2016) และหนังอาชญากรรมฟอร์มเล็ก ‘Dark Crimes’ (2016)
จนกระทั่งในปี 2020 แคร์รีย์ได้รับบทเป็น ดร. ไอโว โรบอตนิก หรือ Eggman วายร้ายอัจฉริยะสติเฟื่อง จากหนังไลฟ์แอ็กชัน ‘Sonic the Hedgehog’ (2020) ซึ่งนับเป็นการกลับมารับงานแสดงในหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ครั้งแรกในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่หนังตลกภาคต่อ ‘Dumb and Dumber To’ (2014) และกลับมารับภาคต่อใน ‘Sonic the Hedgehog 2’ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งใน ‘Sonic the Hedgehog 3’ ที่ครั้งนี้นอกจากจะกลับมารับบทเดิม เขายังควบรับบทเป็น เจอรัลด์ โรบอตนิก ปู่ของ ดร. โรบอตนิก ผู้สร้าง Shadow the Hedgehog ที่พากย์เสียงโดย คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves)
แคร์รีย์ในวัยหลัก 6 ไม่ได้ต้องการแสงสีไปมากกว่านี้ แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือการใช้ชีวิตเงียบสงบและห่างไกลแสงสี เขาเริ่มเลือกโปรเจกต์งานแสดงมากขึ้น และหันไปทำงานเป็นศิลปินวาดภาพ ซึ่งจุดเริ่มต้นเกิดจากเมื่อปี 2010 เขาได้เลิกรากับแฟนสาว เจนนี แม็กคาร์ธี (Jenny McCarthy) ที่คบหายาวนานกว่า 5 ปี ทำให้เขาเลือกการวาดรูปเป็นงานอดิเรกเพื่อเยียวยาจิตใจ ที่ผ่านมาเขาเคยจัดนิทรรศการมาแล้ว 2 ครั้งในปี 2011 และ 2017 รวมทั้งยังเคยมีผลงานในรูปแบบ NFT อีกด้วย
เมื่อปี 2022 หลังจาก ‘Sonic the Hedgehog 2’ เข้าฉาย แคร์รีย์ได้เปิดเผยในคลิปสัมภาษณ์ของ Access Hollywood ในระหว่างเดินสายโปรโมตหนังเรื่องนี้ว่า เขากำลังจะเกษียณจากงานการแสดง เพื่ออุทิศตัวให้กับการสร้างงานศิลปะแบบเต็มเวลา แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ได้ปิดประตูโอกาสด้านการแสดงไปเสียทีเดียว
“ผมกำลังจะเลิกเล่นหนังแล้วล่ะครับ ประมาณนั้นแหละ ผมว่าผมพูดจริงจังนะเนี่ย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดมีนางฟ้านางสวรรค์เอาบทที่เขียนด้วยหมึกทองคำมาให้ผม และบอกว่ามันเป็นบทที่สำคัญมาก และคนดูก็อยากเห็น ผมก็อาจจะทำต่อนะ แต่ตอนนี้ผมขอไปพักก่อน”
“ผมเป็นคนที่ชอบชีวิตเงียบสงบนะครับ ผมชอบวาดภาพบนผืนผ้าใบ ผมรักชีวิตและจิตวิญญาณของตัวเอง ผมรู้สึกว่า…คือมันอาจเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยได้ยินจากคนดังคนอื่นอีกเลยในอนาคตน่ะนะ…คือผมว่าผมมีพอแล้ว ผมทำอะไรมามากพอแล้ว และผมว่าผมพอแล้ว”