ในระหว่างที่แฟรนไชส์สายลับ 007 ยังคงอยู่ในภาวะสุญญากาศ หลังจากที่ แดเนียล เครก (Daniel Craig) ปิดฉากบทบาทของเขาไปแล้วใน ‘No Time To Die’ (2021) นอกจากการเฝ้าคอยลุ้นและเก็งกันว่า ใครจะเป็นนักแสดงคนที่ 7 ที่ได้รับบทสายลับเจ้าเสน่ห์ ในขณะเดียวกัน อนาคต ทิศทาง และการนำเสนอเรื่องราวของแฟรนไชส์ ท่ามกลางความท้าทายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองเช่นกัน
แนวคิดที่มีการพูดคุยและถกเถียงกันมาอย่างยาวนานก็คือ การปรับเปลี่ยนเพศของคาแรกเตอร์สายลับ เจมส์ บอนด์ ที่มีความหลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับภาพลักษณ์ของสายลับบุรุษสไตล์อังกฤษมาดหล่อเหลาอีกต่อไป แต่ในขณะที่บางคนกลับไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้
1 ในคนที่ไม่เห็นด้วยก็คือ เจมมา อาร์เทอร์ตัน (Gemma Arterton) นักแสดงสาวชาวอังกฤษ เจ้าของบท สตรอเบอรี ฟีลด์ สาวบอนด์จากภาค ‘Quantum of Solace’ (2008) ที่ได้เปิดเผยกับ The Times ว่าเธอเองไม่เห็นด้วยกับ เจมส์ บอนด์ ฉบับสุภาพสตรี
“James Bond ที่เป็นผู้หญิง มันก็ไม่ต่างอะไรกับ Mary Poppins ที่แสดงโดยผู้ชายหรือเปล่าคะ ? พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้กัน แต่ฉันคิดว่าผู้คนคงมองว่ามันดูจะสุดโต่งเกินไปหน่อย บางครั้งคุณก็ต้องเคารพในธรรมเนียมปฏิบัติบางอย่าง ฉันเองไม่เคยเสียใจที่ได้เล่นหนัง James Bond แต่ฉันก็สงสัยว่า ทำไมบทบาทนี้มันถึงยังติดตัวฉันอยู่ เพราะฉันอยู่ในหนังแค่ 5 นาทีเองนะ”
ในภาค ‘Quantum of Solace’ อาร์เทอร์ตันรับบทเป็น สตรอเบอรี ฟีลด์ เจ้าหน้าที่หน่วย MI6 ที่ทำงานให้กับสถานกงสุลอังกฤษในโบลิเวีย เธอพยายามขัดขวางภารกิจของเจมส์ บอนด์ที่ต้องการจะหยุดยั้ง โดมินิก กรีน สมาชิกองค์กร Quantum ที่มีแผนจะยึดครองแหล่งทรัพยากรสำคัญของโลก แต่สุดท้ายเธอก็ยอมช่วยเหลือ เจมส์ บอนด์ และพยายามสื่อสารให้เขาระมัดระวังตัว ก่อนที่เธอจะถูกสังหาร ปรากฏให้เห็นร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำมันดิบ
แม้ว่าอาร์เทอร์ตันผ่านการคัดเลือกจากนักแสดง 1,500 คนที่ได้เข้ามาออดิชันบทนี้ แต่หลังจากหนังออกฉาย บทบาทของเธอกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ในยุคกระแส #MeToo ว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่นำเสนอภาพลักษณ์ของสาวบอนด์ที่ล้าสมัย ทั้งการเป็นผู้ช่วยของเจมส์ บอนด์ ที่ไม่ได้มีบทบาทมากนัก โดยเฉพาะร่างที่ชุ่มด้วยนำมันดิบที่แน่นิ่งอยู่บนเตียงนอน ยังชวนให้นึกถึงร่างของสาวบอนด์ที่เคลือบด้วยทองคำในภาค ‘Goldfinger’ (1964) อีกต่างหาก
ภายหลัง อาร์เทอร์ตันได้ออกมาเปิดเผยกับ The Sun ถึงความไม่สบายใจเกี่ยวกับคำวิจารณ์ถึงบทบาทของเธอในหนังเรื่องนี้ และเผยว่า การรับบทบาทในหนังใหญ่เรื่องแรกอย่าง ‘Quantum of Solace’ เป็นเหมือนก้าวแรกที่จะทำให้เธอแจ้งเกิดเป็นที่รู้จักในเส้นทางการแสดงได้อย่างเต็มตัว
“ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ ฉันขัดสนอย่างมาก แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้ทำงานและหาเลี้ยงชีพ ทุกวันนี้ฉันยังคงถูกวิจารณ์ที่รับบทใน ‘Quantum of Solace’ แต่ตอนนั้นฉันอายุแค่ 21 ปี มีหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และอย่างที่รู้ว่านี่คือหนัง เจมส์ บอนด์…”
หลังสิ้นสุดเส้นทาง 15 ปี กับการรับบท เจมส์ บอนด์ 5 ภาคของเครก มีหลายเสียงที่ต่างมองเห็นถึงจังหวะโอกาสที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคาแรกเตอร์ที่ เอียน เฟลมมิง (Ian Fleming) เจ้าของบทประพันธ์ได้สร้างเอาไว้ในนิยายต้นฉบับ ให้มีความหลากหลายและแปลกใหม่มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องติดภาพนักแสดงชายชาวอังกฤษอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นได้ทั้งนักแสดงชายผิวดำ นักแสดงหญิงผิวดำ หรือแม้แต่เป็นสายลับที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกรอบเพศสภาพแบบเดิม ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมขนาดนั้น และคนที่ออกมายืนยันว่าไม่น่าจะมีเจมส์ บอนด์ ผู้หญิงในเร็ววันนี้แน่ ๆ ก็คือ บาร์บารา บร็อกโคลี (Barbara Broccoli) โปรดิวเซอร์ผู้ควบคุมแฟรนไชส์ชุดนี้แห่งสตูดิโอ Eon Productions ที่เคยยืนยันกับ The Hollywood Reporter ว่า เธอไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการเปลี่ยนเพศของเจมส์ บอนด์คนใหม่ให้กลายเป็นผู้หญิงตามเสียงเรียกร้องของผู้ชมบางส่วน
ในขณะที่ อนา เดอ อามัส (Ana de Armas) นักแสดงเจ้าของบท พาโลมา สาวบอนด์ทรงเสน่ห์จากภาค ‘No Time To Die’ ได้มีโอกาสเปิดเผยกับ The Sun ว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะให้ผู้หญิงสวมบทคาแรกเตอร์ของผู้ชาย
“สำหรับฉัน ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเจมส์ บอนด์ ฉบับผู้หญิงหรอกค่ะ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปขโมยคาแรกเตอร์ของคนอื่นมาใช้ มันคือเรื่องราวในนิยาย และสิ่งนี้ก็เป็นตัวนำพาไปสู่โลกของเจมส์ บอนด์ และจินตนาการในจักรวาลแบบที่เขาเป็นอยู่ สิ่งที่ฉันต้องการคือ ควรจะมีการเพิ่มบทบาทของผู้หญิงในหนังเจมส์ บอนด์ ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ให้พวกเธอมีบทบาทที่สำคัญและได้รับการยอมรับมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ฉันคิดว่าน่าสนใจกว่าการพยายามจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิม”
ในขณะที่เครก อดีตนักแสดงเจ้าของบทเจมส์ บอนด์ ก็เคยให้สัมภาษณ์ แสดงความคิดเห็นในแนวทางเดียวกันกับ Radio Times “คำตอบมันง่ายมากเลยครับ เราควรจะมีบทที่ดีกว่านี้สำหรับผู้หญิงและนักแสดงผิวสีต่างหาก ทำไมผู้หญิงจะต้องมารับบท เจมส์ บอนด์ ล่ะ ในเมื่อเราควรที่จะต้องมีบทที่ดีเทียบเท่ากับเจมส์ บอนด์ แต่ว่าเป็นของผู้หญิง”
อีกคนที่คิดเห็นตรงกันก็คือ ภรรยานักแสดงสาวสวยของเครก เรเชล ไวสซ์ (Rachel Weisz) ที่เคยกล่าวกับ The Telegraph ว่า แทนที่จะมุ่งปรับเปลี่ยนเพศของคาแรกเตอร์เจมส์ บอนด์ ให้เข้ากับยุคสมัย คนทำหนังควรมุ่งไปที่การพัฒนาบทที่เหมาะกับคาแรกเตอร์ผู้หญิงจะดีกว่า
“เอียน เฟลมมิง ใช้เวลามากมายในการสร้างตัวละครนี้ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่เป็นผู้ชายขึ้นมา และมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงในแบบที่เฉพาะตัวมาก ๆ ทำไมไม่สร้างเรื่องราวของตัวเอง แทนที่จะไปปีนขึ้นบนไหล่ของตัวละครเก่า ๆ แล้วก็ถูกจับเอามาเปรียบเทียบกับนักแสดงผู้ชายคนก่อน ๆ ด้วยล่ะคะ ?”
“ผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง และเธอก็ควรจะได้มีเรื่องราวที่เป็นของพวกเธอเองค่ะ”