Release Date
25/12/2024
ความยาวหนัง
127 นาที
แนวหนัง
แอ็กชัน ผจญภัย
ผู้กำกับ
เจ ซี แซนเดอร์
นักแสดง
อารอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน, รัสเซล โครว์, อาเรียนา เดอโบส
Our score
5.8[รีวิว] Kraven The Hunter – สิงห์โหดโหมดโฮกปี๊บ
สิงห์โหดโหมดโฮกปี๊บ
จุดเด่นที่สุดคือการที่มันพยายามเอาอารมณ์หนังแก๊งสเตอร์สไตล์บู๊ ๆ หน่อยอย่าง 'The Untouchable' หรือ 'Carlito's Way' มาผสมหนังซูเปอร์ฮีโร่ มันเลยทำให้ผู้ชมรู้สึกเอนจอยไม่น้อยกับการได้เห็นแอ็กติ้งระดับออสการ์จาก รัสเซล โครว์ บวกกับปมครอบครัวเข้ม ๆ ที่อดคาดหวังต่อไปไม่ได้ว่ามันจะพัฒนากลายเป็นคอนฟลิกต์ที่พาให้เซอร์ไก หรือ เครเวน กลับมาห้ำหั่นกับผู้เป็นพ่อ แต่หลังจากเล่าปมของตัวละครเสร็จ หนังก็เลือกเอาสูตรการเล่าเรื่องที่จะต้องให้พระเอกซัดผู้ร้ายขายความเลือดสาดแบบไม่ปูที่มาที่ไปและจับให้ตัวละครแต่ละตัวมาเจอกันแบบแถสีข้างถลอก จนอดผิดหวังไม่ได้ ที่เสียดายสุด ๆ คือตัวอารอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน ทั้งหน่วยก้าน การแสดงคิวบู๊ หรือ หน้าตาหล่อเหลาดิบเถื่อนที่น่าจะทำให้สาว ๆ ระทวยได้ไม่ยาก แถมยังดูดีมีอนาคตไม่น้อยหากหนังได้สร้างต่อ ก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากเหล่าสาว ๆ ใน 'Madame Web'
จุดเด่น
- เด่นที่การนำบรรยากาศแบบหนังมาเฟียเข้ม ๆ มาโยงเข้ากับความเป็นหนังคอมิก
- อารอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน หน่วยก้านดี แสดงคิวบู๊ได้เริ่ด หน้าตาหล่อเหลา เคราดิบเถื่อนน่าจะทำให้สาว ๆ ระทวยได้ไม่ยาก
จุดสังเกต
- หนังวางพลอตและสร้างเหตุการณ์ให้เครเวนได้สะเปะสะปะเกินไป จนไม่โฟกัสว่าเรื่องจะเดินไปสู่เป้าหมายอะไร
- ตัวละคร นิโคไล คราวินอฟฟ์ กับ คาลิปโซ ถูกนำเสนออย่างผิวเผินทั้งที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง
- ตัวผู้ร้ายมีความน่าสนใจแต่เมื่ออยู่ในหนังกลับดูแล้วชวนหัวเราะได้อย่างไม่ตั้งใจ
-
บทภาพยนตร์
5.0
-
การแสดง
6.0
-
โปรดักชัน
6.0
-
ความบันเทิง
6.0
-
ึความคุ้มค่าในการรับชม
6.0
หลังครองสิทธิตัวละครจากจักรวาลสไปเดอร์แมนมากว่า 2 ทศวรรษ โซนี่ พิคเจอร์ส (Sony Pictures) พยายามปั้นหนังมาร์เวลสไปเดอร์แมนในสิทธิของตัวเองแบบพยายามไม่ให้หลุดซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จสุด ๆ ทั้งการรีเมค รีบูธ ‘Spider-Man’ และ ‘Amazing Spider-Man’ ไปจนถึงการร่วมจักรวาลเอ็มซียู (MCU) กับทางดิสนีย์ (Disney) และเมื่อเห็นช่องทางทำเงินจากหนังคอมิกโซนียังพยายามดันจักรวาล ‘Sony Spider-Man Universe’ (SSMU) ด้วยการดันตัวละครในจักรวาลไอ้แมงมุมออกมาทั้ง ‘Venom’ ทั้ง 3 ภาค, ‘Morbius’ แถมยังวางแผนไปถึงการสร้างหนังภาครวมวายร้ายอย่าง ‘Sinister-Six’
แต่หลังความล้มเหลวของ ‘Madame Web’ ก็เริ่มเห็นเค้าลางความหายนะของจักรวาลหนังแมงมุมดังกล่าว จนกระทั่งการมาถึงของ ‘Kraven The Hunter’ และข่าวการยุติการสร้างหนังจากตัวละครมาร์เวลในสิทธิของตัวเองยกเว้นสไปเดอร์แมน พร้อมคำวิจารณ์ระดับติดลบมาจากเมืองนอกก็ทำให้หลายคนอดหวั่นกับคุณภาพหนังไม่ได้ ซึ่งเราขอพิสูจน์ด้วยรีวิวนี้กันเลย
เซอร์ไก และ ดิมิทรี ถูกเลี้ยงมาในตระกูลมาเฟียของ นิโคไล คราวินอฟฟ์ (รับบทโดย รัสเซล โครว์, Russell Crowe) และในระหว่างกิจกรรมล่าสัตว์ช่วงปิดเทอม เซอร์ไก ถูกสิงโตยักษ์ตะปบเกือบปางตายยังดีที่เขาได้ยาวิเศษของ คาลิปโซ และเลือดของสิงโตที่กัดเขามาเปลี่ยนให้ร่างกายของเซอร์ไกมีพละกำลังเหนือมนุษย์และเติบโตมาในชื่อ เครเวน เดอะ ฮันเตอร์ (รับบทโดย อารอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน,Aaron Taylor-Johnson) ที่คอยล้างบางคนชั่วที่ฆ่ากระทิงเอาเขาไปขายและเหล่ามาร์เฟียชั่วจนถูกขึ้นบัญชีดำของ อเล็กไซ (รับบทโดย อเลซานโดร นิโวลา, Alessandro Nivola) หรือฉายา ไรโน (Rhino, มนุษย์แรด) และเดอะฟอเรนเนอร์ (รับบทโดย คริสโตเฟอร์ แอบบอตต์, Christopher Abbott) ที่สามารถสะกดจิตให้เกิดภาพหลอนได้จนเกิดศึกรอบด้านที่เครเวนและคาลิปโซ (รับบทโดย อาเรียนา เดอโบส, Ariana DeBose) ต้องรับมือ
หากใครเคยติดตามข่าวการสร้าง ‘Kraven The Hunter’ มาตลอดจะพบว่ามันเป็นโปรเจกต์ที่โซนีตั้งความหวังเอาไว้สูงลิบลิ่วและหวังมากู้หน้าจักรวาลหนังของตัวเองไม่น้อย ซึ่งหากพิจารณาความน่าสนใจของมันก็พบว่า จุดเด่นที่สุดคือการที่มันพยายามเอาอารมณ์หนังแก๊งสเตอร์สไตล์บู๊ ๆ หน่อยอย่าง ‘The Untouchable’ หรือ ‘Carlito’s Way’ มาผสมหนังซูเปอร์ฮีโร่ มันเลยทำให้ผู้ชมรู้สึกเอนจอยไม่น้อยกับการได้เห็นแอ็กติ้งระดับออสการ์จาก รัสเซล โครว์ บวกกับปมครอบครัวเข้ม ๆ ที่อดคาดหวังต่อไปไม่ได้ว่ามันจะพัฒนากลายเป็นคอนฟลิกต์ที่พาให้เซอร์ไก หรือ เครเวน กลับมาห้ำหั่นกับผู้เป็นพ่อ
แต่หลังจากเล่าปมของตัวละครเสร็จ หนังก็เลือกเอาสูตรการเล่าเรื่องที่จะต้องให้พระเอกซัดผู้ร้ายขายความเลือดสาดแบบไม่ปูที่มาที่ไปและจับให้ตัวละครแต่ละตัวมาเจอกันแบบแถสีข้างถลอก จนอดผิดหวังไม่ได้เพราะในขณะที่เรากำลังติดตามภารกิจการสังหารของเครเวน หนังก็ไม่ได้ให้ข้อมูลชัดเจนนักว่าคอนฟลิกต์หลัก ๆ แล้วเครเวนสู้อยู่กับใคร ไปฆ่ามาเฟียในคุกแถบรัสเซียทำไม ทำไม่ต้องฆ่าพวกล่ากระทิงป่าเพื่อเอาเขาไปขาย แล้วอยู่ดี ๆ หนังก็โยนตัวละครอย่าง ไรโน หรือ เดอะฟอเรนเนอร์มาเป็นคู่ปรับพร้อมยัดเยียดปมแค้นกันแบบขอให้มันได้มีเหตุผลที่อยากฆ่าพระเอกของเราหน่อยเถอะ
ซึ่งเอาเข้าจริงส่วนตัวอดเสียดายการสร้างตัวผู้ร้ายสองตัวนี้มากนะครับ เพราะทำดี ๆ ทั้งไรโนและเดอะ ฟอเรนเนอร์ เป็นวิลเลียน (Villian) ที่มีศักยภาพต่อกรกับพระเอกได้อย่างน่าสนุกเลยหละ คนนึงมีความเป็นมอนสเตอร์ คนนึงมีความเป็นนักสะกดจิต แต่หนังก็ไปเสียเวลากับการเล่าเรื่องที่ไม่ได้มีความคืบหน้าเท่าที่ควร แถมยังแวะเล่นมุกตลกฝืด ๆ จนเสียดายเวลาที่ควรเอามาปูปมตัวละครให้หนักแน่นกว่านี้ ซ้ำร้ายคือคุณภาพงานวิช่วลเอฟเฟกต์ที่ทำเอาอดขำกับตัว ไรโน ไม่ได้ทั้งที่ดูแล้วควรน่ากลัวแต่กลับมีบางมุมคล้ายมนุษย์ตะกั่วในโฆษณา ปตท. เมื่อ 20 ปีก่อนได้อย่างน่าปวดใจ
แต่ใด ๆ ก็ยังไม่น่าเจ็บใจเท่าการเอานักแสดงที่ดูมีราศีตั้งแต่ระดับออสการ์อย่างรัสเซลล์ โครว์ หรือ เอเรียนา เดอโบส มาอยู่บนจอได้ไม่สมศักดิ์ศรีและไม่ส่งเสริมหน้าที่การงานของทั้งคู่เลย ในกรณีของโครว์ คือความพยายามที่เสียเปล่ามากเพราะในขณะที่ฝีมือการแสดงทำให้ตัวละครดูขึงขังหนังกลับไปเล่าเรื่องสะเปะสะปะอะไรก็ไม่รู้ ส่วนกรณีของ เดอโบส คาแรกเตอร์ของเธอถูกปูปมไว้เหมือนจะมีพลังอะไรบางอย่างหรือเป็นนักเวทย์ผสมสมุนไพร แต่ลงท้ายแทบไม่ต่างจากพริตตี้เชียร์ยาดองกรอกปากพระเอกจนอดเอาเท้าก่ายหน้าผากไม่ได้เลย
และที่เสียดายสุด ๆ คือตัวอารอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน นี่แหละครับ ทั้งหน่วยก้าน การแสดงคิวบู๊ หรือ หน้าตาหล่อเหลาดิบเถื่อนที่น่าจะทำให้สาว ๆ ระทวยได้ไม่ยาก แถมยังดูดีมีอนาคตไม่น้อยหากหนังได้สร้างต่อก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากเหล่าสาว ๆ ใน ‘Madame Web’ คือต้องมาอยู่ในหนังที่ทำทรงมาดีดูมีหวัง แต่ลงท้ายเหมือนพ่ายปีชง 2024 ที่อาจไม่ใช่ปีที่ดีเท่าไหร่ของหนังจักรวาลสไปเดอร์แมนโซนี่ที่ล้มเหลวต่อเนื่องจนอดคิดไม่ได้ว่าผู้บริหารโซนี พิคเจอร์สอาจต้องมามูแถว ๆ เอเซียบ้านเราหรืออาจต้องกลับไปหาขุนพลหนังแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เก่งไม่แพ้ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ของตัวเองเพื่อคุมทิศทางและเข้มกับคุณภาพหนังให้มากกว่านี้
แต่ในเมื่อเราไม่ต้องคาดหวังกับจักรวาลไอ้แมงมุมแล้ว บางที ‘Kraven The Hunter’ ก็อาจจะยังเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคอหนังที่อยากหาอะไรเบา ๆ ได้หัวเราะกับสิ่งที่หนังไม่ตั้งใจให้หลุดออกมา หรือไปกรี้ดกับซิกส์แพ็คของพี่อารอน เทย์เลอร จอห์นสัน ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ได้แย่สำหรับโปรแกรมส่งท้ายปีนะครับ