เอเดรียน โบรดี (Adrien Brody) นักแสดงฝีมือดีวัย 51 ปี กำลังโปรโมตผลงานแสดงล่าสุดอย่าง ‘The Brutalist’ ที่อาจส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้ง โดยเขาได้เปิดเผยถึงเมื่อครั้งที่ชนะรางวัลออสการ์ครั้งแรกจาก ‘The Pianist’ (2002) ของผู้กำกับ โรมัน โปลันสกี (Roman Polanski)
ใน ‘The Pianist’ นั้น โบรดีได้รับบทเป็น วลาดิสลอว์ สปิลมันน์ (Władysław Szpilman) ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเขาต้องปรับการกินเพื่อลดน้ำหนักลง 30 ปอนด์ (ประมาณ 13.6 กิโลกรัม) เพื่อให้น้ำหนักตัวของเขาลดลงมาอยู่ที่ 129 ปอนด์ (ประมาณ 58.5 กิโลกรัม)
โบรดีให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Vulture ว่า เขาดื่มแค่น้ำเปล่าตั้งแต่เริ่มเปิดกล้อง ‘The Pianist’ ซึ่งผู้กำกับใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบย้อนหลัง (เริ่มถ่ายทำตอนจบก่อนเป็นลำดับแรก) เพื่อให้เขาปรากฏตัวในภาพลักษณ์ของสปิลมันน์ที่อ่อนระโหยโรยแรงมากที่สุด
การเปลี่ยนแปลงร่างกายมีความสำคัญมากต่อการเล่าเรื่อง ผมเต็มใจที่จะอดอาหารอย่างเต็มที่ และทำให้ผมได้พบกับความหิวอย่างถึงที่สุดในแบบที่ผมได้เคยรู้มาก่อน
โบรดีเปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างเข้มข้นนี้ ส่งผลให้เขาเป็นโรคนอนไม่หลับ, โรควิตกกังวล รวมถึงโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง หรือที่เรียกว่า PTSD (Post-traumatic Stress Disorder)
ผมถึงขั้นเป็นโรคกินอาหารผิดปกติ (Eating Disorder) อย่างน้อย 1 ปี และจากนั้นผมก็เป็นโรคซึมเศร้างอีก 1 ปี
โบรดีนั้น เป็นนักแสดงที่ชื่นชอบเทคนิคการแสดงออกจากจิตใจเบื้องลึก หรือที่เรียกว่า Method Acting เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อครั้งที่ถายทำ ‘The Jacket’ (2005) เขาได้ขอให้ผู้กำกับอนุญาตให้เขาได้สวมชุดรัดแขนสำหรับผู้ป่วยวิกลจริตจริง ๆ เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของตัวละคร, ให้คนชกหน้าเพื่อให้เกิดรอยจริง ๆ ในระหว่างถ่ายทำ ‘Summer of Sam’ (1999) หรือขอใส่เหล็กดัดฟันเทียมเพื่อให้เข้าใจความเจ็บปวดของตัวละครใน ‘Oxygen’ (1999) เป็นต้น