‘Kraven the Hunter’ หนังเรื่องสุดท้ายในจักรวาลภาคแยกของ Spider-Man ของ Sony Pictures หรือ Sony’s Spider-Man Universe (SSU) ทำรายได้จากการเข้าฉายเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในสหรัฐอเมริกาเพียง 11 ล้านเหรียญ และทำรายได้ Box Office ทั่วโลกหลังจากเข้าฉายมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์อยู่ที่ 44 ล้านเหรียญ (จากทุนสร้างประมาณ 110 -130 ล้านเหรียญ) กลายเป็นการส่งท้ายจักรวาล SSU ที่หงอยเหงาตามคาด
โทนี วินซิเกร์รา (Tony Vinciquerra) ผู้บริหารของ Sony Pictures Entertainment ได้ให้สัมภาษณ์กับ Los Angeles Times เพื่อสรุปผลงานของเขาจากการเข้ามาดูแล Sony Pictures มาเป็นระยะเวลา 8 ปี ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับ ราวิ อาฮูจา (Ravi Ahuja) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการขึ้นมารับตำแหน่ง CEO คนต่อไปในวันที่ 2 มกราคมที่จะถึงนี้
“จริง ๆ ก็ยังถือว่ายังไปได้ดีครับ แต่โชคร้ายที่ ‘Kraven the Hunter’ ที่เราเปิดตัวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นการเปิดตัวหนังครั้งสุดท้ายของผม กลับกลายเป็นการเปิดตัวที่แย่ที่สุดในรอบ 7 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะผมว่าหนังเรื่องนี้มันไม่ได้แย่เลยนะครับ”
“แต่ถ้านับโดยภาพรวม เราประสบความสำเร็จมาก ทุกปีที่ผมอยู่ที่นี้ เราทำรายได้เกินงบประมาณเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกปี แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการนัดหยุดงานและช่วงโควิด เรามีการจ่ายโบนัสในอัตราสูงสุดให้กับพนักงานทุกคนในรอบหลายปี นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีครับ และสตูดิโอก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จนี้ด้วย”
แม้เขาจะยอมรับว่า ‘Kraven the Hunter’ จะเป็นหนังที่ล้มเหลวที่สุดในวาระการทำงานของเขา แต่เขายังคงยืนยันว่า ‘Madame Web’ นั้นไม่ได้ล้มเหลวเพราะตัวหนังเอง
“ขอพูดถึง ‘Madame Web’ สักหน่อยครับ ตัวหนังทำรายได้ในโรงต่ำกว่าที่ควร เพราะว่าสื่อโจมตีอย่างหนักครับ แต่หนังเรื่องนี้มันไม่ได้แย่เลย และใน Netflix ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ มีคนดูเยอะมาก แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ สื่อกลัยเลือกที่จะไม่ให้สนับสนุนให้เราสร้างหนังจากคาแรกเตอร์ ‘Kraven’ และ ‘Madame Web’ แล้วพวกเขาก็รุมวิจารณ์กันยับเลย”
“พวกเขาทำแบบเดียวกับ ‘Venom’ เลยครับ แต่ผู้ชมกลับชื่นชอบ ‘Venom’ และทำให้กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล หนังพวกนี้มันไม่ได้แย่เลยนะครับ แต่มันกลับถูกทำลายเพราะคำวิจารณ์จากสื่อ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง”
ในขณะที่นักแสดงของหนัง ‘Madame Web’ ล้วนแล้วแต่มีท่าทีเข็ดขยาดและไม่อยากพูดถึงหนังเรื่องนี้ ไล่ไปตั้งแต่ ดาโกตา จอห์นสัน (Dakota Johnson) เจ้าของบท แคสแซนดรา เว็บบ์ ที่เข็ดขยาดหนังซูเปอร์ฮีโร ส่วนซิดนีย์ สวีนนีย์ (Sydney Sweeney) เจ้าของบท จูเลีย คอร์นวอลล์ 1 ใน 3 สาว Spider-Woman เคยออกมาบอกแบบตรงไปตรงมาว่าเธอรับเล่นหนังเรื่องนี้เพราะต้องการคอนเน็กชันในการทำหนังเรื่องอื่น ๆ กับทาง Sony
แต่ในขณะเดียวกัน หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแต่คนที่เกลียด ในขณะที่วินซิเกร์ราที่มองว่า ‘Madame Web’ ไม่ใช่หนังที่แย่ เอ็มมา โรเบิร์ตส์ (Emma Roberts) นักแสดงเจ้าของบท แมรี ปาร์กเกอร์ แม่ของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ ก็เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า เหตุผลที่ ‘Madame Web’ และหนัง Spider-Man ของ Sony ล้มเหลว เป็นเพราะส่วนหนึ่งถูกชาวเน็ตนำไปทำเป็นมีมล้อเลียนจนทำให้ผลตอบรับของหนังออกมาดูแย่
หากไม่นับรวม ‘Venom: The Last Dance’ ที่ยังถือว่าสามารถทำกำไรได้พอสมควร ความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องของหนังในจักรวาล SSU ทำให้ภาพรวมของจักรวาลนี้ล้วนเต็มไปด้วยผลงานที่ล้มเหลวทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ นับตั้งแต่ ‘Morbius’ (2022) มาจนถึง ‘Madame Web’ ที่เข้าฉายเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ทำคะแนนบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้เพียง 11% ในขณะที่หนังเรื่องสุดท้ายของจักรวาลอย่าง ‘Kraven’ ที่ชูจุดเด่นเป็นหนังเรต R เนื้อหารุนแรงเรื่องแรก กลับทำคะแนนได้เพียง 15%
ก่อนหน้านี้ มีรายงานจากแหล่งข่าววงในของ Sony ออกมาเปิดเผยว่า สัญญาณแห่งการสิ้นสุดจักรวาลหนังภาคขยายของ Spider-Man เกิดขึ้นเพราะความหมกมุ่นในหนังซูเปอร์ฮีโรจนเกินเหตุ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ผิดพลาดจากความพยายามผลักดันหนังเดี่ยวคาแรกเตอร์ในจักรวาล Spider-Man ด้วยแนวทางเดียวกับที่ Sony ประสบความสำเร็จจากการผลักดัน ‘Venom’ ที่ทำรายได้ในระดับน่าพอใจทั้ง 3 ภาค โดยคิดว่าผู้ชมจะหลั่งไหลมาชมหนังจากคาแรกเตอร์ในจักรวาล Spider-Man ตัวอื่น ๆ โดยไม่ต้องมี Spider-Man ปรากฏในเรื่องด้วย
ด้วยความล้มเหลวดังกล่าว ทำให้ Sony กลับมาให้ความสำคัญกับโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ‘Spider-Man’ โดยตรง ตั้งแต่ โปรเจกต์ ‘Spider-Man’ ภาคที่ 4 ของทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Marvel Studios, หนังแอนิเมชัน ‘Spider-Man: Beyond the Spider-Verse’ และซีรีส์ไลฟ์แอ็กชัน ‘Spider-Noir’ ที่นำแสดงโดยนิโคลัส เคจ (Nicolas Cage)
ท่ามกลางความคาดหวังว่า ต่อไป Sony จะมีทิศทางในการขับเคลื่อนโปรเจกต์ในจักรวาล Spider-Man อย่างไร วินซิเกร์ราเองยอมรับว่า หากต้องการให้จักรวาลไอ้แมงมุมยังคงอยู่ และขยายจักรวาลได้ประสบความสำเร็จ คงต้องมีการพิจารณาในการเลือกและพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ผมว่าเราควรจะต้องกลับมาคิดพิจารณากันใหม่เกี่ยวกับหนังของเราครับ เพราะว่าตอนนี้มันเหมือนกับว่าถูกสาปอยู่ ถ้าเราทำหนังอีกเรื่องออกมา ไม่ว่ามันจะออกมาดีหรือแย่ขนาดไหนก็ตาม สุดท้ายเราก็จะถูกโจมตีอีกอยู่ดี”