เดอนีส วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) ผู้กำกับที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 ครั้ง ได้ให้สัมภาษณ์กับ Los Angeles Times เกี่ยวกับแนวทางการสร้างภาพยนตร์ของเขา รวมถึงเบื้องหลังผลงานล่าสุดอย่าง ‘Dune: Part Two’ (2024)

วิลเนิฟว์ได้กล่าวว่า เขาสั่งแบนการใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมดในระหว่างการถ่ายทำ ‘Dune: Part Two’

เมื่อคุณเป็นจิตรกร คุณจะเพ่งสมาธิไปที่สีที่คุณกำลังระบายลงบนผืนผ้าใบ เช่นเดียวกับเมื่อคุณเป็นแดนเซอร์ คุณจะจดจ่อกับท่วงท่าการเคลื่อนไหวมากที่สุด

สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์นั้น คุณต้องทำหลายสิ่งร่วมกับทีมงาน ทุกคนต้องมีสมาธิและตื่นตัวอยู่เสมอ คอยรับฟังและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันตลอดเวลา ดั้งนั้นผมจึงสั่งแบนการใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมดในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ตั้งแต่วันแรก

เมื่อคุณพูดว่าคัท คุณจะไม่ต้องการเห็นทีมงานบางคนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเฟซบุ๊กเป็นแน่

Dune
เดอนีส วีลเนิฟว์ ในกองถ่าย ‘Dune: Part One’ (2021)

นักข่าวยังได้ตั้งถามเกี่ยวกับความเชื่อโยงระหว่างเขากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งวีลเนิฟว์ก็ยอมรับว่าเขาเองก็ติดโซเชียลมีเดียและโลกออนไลน์เช่นกัน

ผมก็เหมือนกับคนอื่นนั่นแหละครับ มันเป็นสิ่งที่เย้ายาว เมื่อคุณสามารถเข้าถึงข้อมูล, ค้นหาเพลง หรือหนังสือต่าง ๆ ได้ มันทำให้คุณติดเหมือนกับยาเสพติด

วีลเนิฟว์ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการดัดแปลง ‘Dune’ ซึ่งเป็นวรรณกรรมไซไฟระดับขึ้นหิ้งของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) เมื่อปี 1963 เป็นภาพยนตร์ ‘Dune: Part One’ (2021) และ ‘Dune: Part Two’ (2024) ภายหลังจากที่ เดวิด ลินช์ (David Lynch) เคยพยายามสร้าง ‘Dune’ (1984) แต่ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณและเทคโนโลยีการถ่ายทำ ทำให้ตัวภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด

‘Dune’ ทั้ง 2 ภาค ทำรายได้ทั่วโลกรวมกันถึง 1,120 ล้านเหรียญ และได้รับการต่อยอดเป็นซีรีส์ ‘Dune: Prophecy’ สำหรับฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิง Max ของ HBO

นอกจากนี้ วีลเนิฟว์ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Deadline ว่าจะดัดแปลงจากนิยาย ‘Dune: Messiah’ ของเฮอร์เบิร์ตเมื่อปี 1969 เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ในแฟรนไชส์ โดยคาดว่าจะเริ่มถ่ายทำในปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026