แม้ ‘Home Alone’ (1990) จะเป็นหนังที่ถูกเปิดดูซ้ำ ๆ ทุกเทศกาลคริสต์มาสมายาวนานกว่า 34 ปีแล้ว แต่แฟนหนังทั่วโลกก็ยังคงสงสัยและตั้งทฤษฏีเกี่ยวกับอาชีพและความร่ำรวยของครอบครัวแม็กคาร์ลิซเตอร์ตลอดมา คริส โคลัมบัส (Chris Columbus) ผู้กำกับ ‘Home Alone’ และ ‘Home Alone 2: Lost in New York’ (1992) ได้ให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ Awards Chatter ของ The Hollywood Reporter
โคลัมบัสได้เล่าเพื่อเปิดเผยถึงการร่วมงานกับมือเขียนบทและโปรดิวเซอร์ จอห์น ฮิวจ์ส (John Hughes) ที่ทำให้เขาได้แจ้งเกิดจากการกำกับหนังเรื่องนี้ การค้นพบความมหัศจรรย์ของแม็กเคาเลย์ คัลกิน (Macaulay Culkin) นักแสดงเด็กวัย 10 ขวบผู้รับบทเควิน แม็กคาร์ลิซเตอร์ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดังเปรี้ยงและกลายเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งการไขข้อสงสัยเกี่ยวกับอาชีพของพ่อและแม่น้องเควินเป็นครั้งแรก
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงคิดว่าจอห์น ฮิวจ์ส คือโปรดิวเซอร์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้กำกับเลยครับ เพราะว่าผมเรียนรู้อะไรจากเขามากมาย เขาบอกผมว่า ‘ลองไปเจอกับแม็กเคาเลย์ดูไหมล่ะ’ ผมก็ตอบว่า ‘ได้ ผมอยากเจอแม็กเคาเลย์นะครับ แต่ผมก็อยากเจอเด็กคนอื่น ๆ ด้วยน่ะ’ จนสุดท้าย ผมได้พบเด็กตั้ง 300 คน ซึ่งดันกลายเป็นอะไรที่เสียเวลาไปมหาศาล เพราะหลังจากที่ผมได้เจอกับแม็กเคาเลย์ ทุกอย่างมันก็เหมือนอย่างกับมีเวทมนตร์”
นอกจากนี้ โคลัมบัมยังได้เปิดเผยเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปีว่า ปีเตอร์ แม็กคาร์ลิซเตอร์ ที่แสดงโดย จอห์น เฮิร์ด (John Heard) และเคต แม็กคาร์ลิซเตอร์ ที่รับบทโดย แคตเธอรีน โอฮารา (Catherine O’Hara) ทำอาชีพอะไร ทำไมพวกเขาจึงสามารถเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงามที่ตั้งอยู่ในชิคาโกหลังนี้ และเลี้ยงดูลูก ๆ ทั้ง 5 คนได้
“ตอนนั้นผมกับจอห์นเคยคุยกันเรื่องนี้ครับ และเราก็ตัดสินใจกันแล้วว่าอาชีพของพวกเขาคืออะไร เคต แม็กคาร์ลิซเตอร์ มีอาชีพเป็นนักออกแบบแฟชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก” (ตามที่ปรากฏหุ่นลองเสื้อในฉากห้องใต้ดินในบ้าน) “ส่วนปีเตอร์ แม็กคาร์ลิซเตอร์ ถ้าอิงจากประสบการณ์ของ จอห์น ฮิวจ์ส เอง เขาอาจจะทำงานด้านโฆษณาก็ได้นะครับ แต่ผมไม่ค่อยชัวร์นักว่าพ่อทำอาชีพอะไร”
ปี 2023 The New York Times ได้ลงบทความวิเคราะห์สถานะทางเศรษฐกิจที่ทำให้ครอบครัวแม็กคาร์ลิซเตอร์มีชีวิตการเป็นอยู่ที่น่าอิจฉา โดยนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ว่า ครอบครัวแม็กคาร์ลิซเตอร์น่าจะมีรายได้ประมาณ 305,000 เหรียญ (ในช่วงปี 1990) จึงจะมีกำลังมากพอที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ได้ และหากพิจารณาวิถีชีวิตของครอบครัวในหนัง เช่น ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน เครื่องแต่งกาย การเช่าเหมารถตู้ไปสนามบิน ซื้อตั๋วเครื่องบินชั้น First Class ฯลฯ ก็พอจะอนุมานได้ว่าครอบครัวนี้ค่อนข้างมีฐานะร่ำรวย และอาจจะรวยในระดับที่ถูกจัดอยู่ใน 1% ของครัวเรือนที่มีรายได้มากที่สุดในชิคาโกเลยทีเดียว
อีกสิ่งที่ยืนยันความมั่งคั่งครอบครัวนี้ก็คือบ้านเดี่ยว 3 ชั้นที่ตั้งอยู่เลขที่ 671 หมู่บ้านวินเน็ตกา (Winnetka) ถนนลินคอล์นอเวนิว (Lincoln Avenue) ย่านชานเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ที่สร้างขึ้นในปี 1921 บนเนื้อที่ 2,000 ตารางเมตร ที่พื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมด 390 ตารางเมตร โดยบทความยังได้ระบุว่า ในปี 2021 บ้านหลังนี้มีราคาประเมินอยู่ที่ 1,900,000 เหรียญ หรือประมาณ 57 ล้านบาท
โดยในปี 2012 บ้านที่กลายเป็นแลนด์มาร์กหลังนี้ เคยถูกขายไปด้วยราคา 1.585 ล้านเหรียญ (ประมาณ 540 ล้านบาท) ก่อนจะมีการปรับปรุงภายในใหม่ทั้งหมดในปี 2018 จนกระทั่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการประกาศขายบ้านด้วยราคา 5.25 ล้านเหรียญ (ประมาณ 178 ล้านบาท) ก่อนที่จะมีผู้ซื้อไปในเดือนมิถุนายน หลังจากประกาศขายเพียงแค่สัปดาห์เดียว
แม้ในหนังจะไม่ได้มีการระบุไว้ แต่ในฉบับหนังสือนิยายกลับมีการระบุไว้ชัดเจน ท็อดด์ สตราสเซอร์ (Todd Strasser) นักเขียนนิยายที่อิงโครงเรื่องมาจากบทภาพยนตร์ของฮิวจ์ส ได้แต่งเติมเสริมรายละเอียดเข้าไปว่า พ่อของเควินมีอาชีพเป็นนักธุรกิจ ส่วนแม่ของเขาเป็นนักออกแบบแฟชั่น ซึ่งสตราสเซอร์ให้เหตุผลว่า เขามองสถานะของครอบครัวนี้อยู่ใน ‘ชนชั้นกลางระดับสูง’ อาชีพที่เขาเลือกให้จึงถือว่าเป็นอะไรที่เหมาะกับฐานะมากกว่าการเป็นมหาเศรษฐี (แบบไม่ต้องทำงานแต่มีเงินใช้มหาศาล)
แน่นอนว่า แม้โคลัมบัสจะยืนยันถึงอาชีพของครอบครัวนี้แล้ว แต่ก็ยังมีอีกทฤษฎีที่พูดถึงกันในหมู่แฟนหนัง นั่นก็คือทฤษฎีที่ว่า แท้ที่จริงแล้วปีเตอร์ พ่อของเควินอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากร การที่คู่หูจอมโจรอย่างมาร์ฟ (แดเนียล สเติร์น – Daniel Stern) และแฮร์รี (โจ เพชชี – Joe Pesci) บุกมาปล้น อาจเกี่ยวพันกับความขัดแย้งในหมู่อาชญากร และที่ไปกันใหญ่คือ พฤติกรรมการแก้แค้นแบบห่าม ๆ ของเควิน อาจเกิดจากการบ่มเพาะในครอบครัวของอาชญากร ซึ่งโคลัมบัสได้กล่าวหักล้างทฤษฎีกาว ๆ นี้ว่า
“(ปีเตอร์) ไม่ได้อยู่ในองค์กรอาชญากรรมแน่นอนครับ ถึงแม้ช่วงนั้นจะมีอาชญากรรมทำนองนี้ในชิคาโกอยู่บ้างก็ตาม”