Tomorrow I Will Date With Yesterday’s You (ぼくは明日, 昨日のきみとデートする) คือ ผลงานหนังญี่ปุ่นรักระทมรับลมหนาวประจำต้นปีนี้ หนังได้ผู้กำกับอย่าง ทาคาฮิโระ มิกิ ที่เคยมีผลงานจี๊ดใจวัยรักอย่างหนังวงดนตรีจากมังงะเรื่อง Soranin (2010) มาแล้ว (ใครไม่เคยดูลองหามาชมนะครับ หนังโตและละมุนมาก) คราวนี้เขาหันมาทำหนังจากนิยายผู้หญิงขายดีหลักล้านเล่มที่ชื่อเดียวกันของ นานัตสึกิ ทากาฟุมิ บ้าง โดยได้ โยชิดะ โทโมโกะ มือเขียนบทคู่บุญของผู้กำกับมิกิ มาช่วยดัดแปลงเนื้อหาให้ ซึ่งหลักๆที่ต่างจากนิยายเลยก็คงเป็นการปรับวัยของตัวเอกจากมัธยมมาสู่เด็กมหาวิทยาลัยแทนนั่นเอง
หนังเล่าเรื่องของ ทาคาโตชิ (ฟุคุชิ โซตะ) นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ตกหลุมรักสาวสวยลึกลับบนรถไฟ เขาอาศัยความกล้าลงรถไฟตามไปขอเบอร์เธอ จนได้รู้จักและรู้ว่าเธอชื่อ เอมิ (โคมัตสึ นานะ) พวกเขาค่อยๆสานความสัมพันธ์กันโดยคำสัญญาว่า “พรุ่งนี้เราพบกันนะ” ในที่สุดโซตะก็สารภาพรักและขอเอมิเป็นแฟน เรื่องราวดูเหมือนจะสวยงามตามท้องเรื่อง แต่วันหนึ่งเอมิก็โทรมาสารภาพบางอย่างกับเขา เขาถึงได้รู้ว่าชีวิตคู่ของพวกเขาไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะเอมิมาจากอีกโลกคู่ขนานหนึ่งที่ทุกๆ 5 ปี เวลาของทั้งสองโลกถึงจะมาบรรจบกันครั้งหนึ่ง ดังนั้นทาคาโตชิ และเอมิ จะได้เจอกันแค่ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 เดือนในทุกๆ 5 ปี และทุกครั้งที่พวกเขาได้พบกันเวลาของทาคาโตชิจะเดินไปข้างหน้าคือแก่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่โลกของเอมิ เวลาของเอมิกลับเดินสวนทาง เธอจะเด็กลงเรื่อยๆ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจจะกลับมาเจอกันอีกทุกๆ 5 ปี
อ่านเนื้อเรื่องย่อก็ชวนคิดว่าหนังคงลากยาวกันไปอีกหลายปีและคงมีบทสรุปที่ทั้งคู่น่าจะลงเอยกันแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือเจอกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่เอาเข้าจริงหนังเล่าเน้นๆแค่ช่วงเวลา 30 วัน ในวัยที่ทั้งคู่อายุ 20 ปีและได้เจอกันตกลงเป็นแฟนกันครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งมันรวมทุกความรู้สึกและความขัดแย้งไว้หมดแล้ว ตรงนี้หนังฉลาดมากครับ ยิ่งตอนหลังมีการสลับมุมมองไปทางฝั่งนางเอกบ้างยิ่งขยี้ใจ ให้สงสารทั้งคู่มากๆ
พล็อตหนังเรียกว่าได้แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่า แบบหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าแห่งวันทานาบาตะ มาเพิ่มปมไซไฟเรื่องโลกคู่ขนานที่เวลาเดินคนละแบบกันได้อย่างน่าสนใจ แต่ใครเผลอไปติดใจตรงเงื่อนไขเวลาว่าเป็นแบบไซไฟจะปวดหัวและรู้สึกพล็อตโหว่แหว่งจนไม่อินได้ครับ ทางที่ดีคิดว่ามันเป็นแฟนตาซีที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์กาลเวลาจะดีกว่า
ซึ่งถ้าสามารถเข้าใจเรื่องเวลาที่ต่างกันของทั้งสองคนได้ เราถึงจะอินในอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครที่ว่า เพราะวันแรกที่ฉันได้เจอเธอ สำหรับเธอมันคือวันสุดท้ายที่จะได้เจอฉัน ช่วงเวลาที่พระเอกกำลังคิดว่าความรักมันกำลังจะเริ่มเบ่งบาน แต่ในมุมนางเอกเวลาของเธอกำลังพาเธอให้ไปจากจุดที่ทั้งคู่เป็นแฟนกันไปอีกช่วงเวลาหนึ่งที่พระเอกยังไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำเสียแล้ว
ซึ่งจริงๆหนังก็พยายามช่วยขยี้จุดนี้มาเป็นระยะให้เราเข้าใจความรู้สึกของพระนางครับ คิดว่าถ้าตามหนังมาแต่ต้นก็น่าจะเข้าใจไม่ยากเกิน อันนี้พอเข้าใจปั๊บมันจะโคตรเศร้าเลยครับ ซึ่งดีตรงหนังไม่ได้บิ้วบี้เราเกินไป กำลังพอดีๆชวนให้ดูซึ้งเป็นธรรมชาติ ย้ำนะครับอย่าไปสงสัยอะไรมากครับไหลๆตามหนังไปจำรายละเอียดนู่นนี่นั่นตามตัวละครไปแล้วจะสะเทือนใจเองครับ
หนังยังมีจุดขายสำคัญคือนักแสดง ทั้งโซตะก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนผู้ชายเหนียมๆอายๆช่วงแรก แล้วก็มีพัฒนาการที่ดูแมนขึ้นเท่ขึ้นเป็นลำดับ ส่วนนานะนี่ไม่ต้องทำอะไรเลยครับแค่ยิ้มก็ละลายแล้ว เป็นผู้หญิงที่ดูน่ารักแบบมีเอกลักษณ์ให้จดจำ โดยเฉพาะวิธียิ้มกับดวงตาเศร้าแบบที่เป็นธรรมชาติ คือแค่มีเธออยู่ในหนังแค่นั้นก็ได้ชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ
หนังจบอย่าเพิ่งลุกนะครับ นั่งฟังเพลงเพราะๆ Happy End จากฝีมือของ ชิมิสึ อิโยริ แห่งวง Back Number ซึ่งมีแปลเนื้อร้องให้อินตามง่ายๆด้วย ด้านล่างเอาคลิปตัวอย่างเพลงมาให้ฟัง ซึ่งนางเอกเอ็มวีน่ารักมากเช่นกันครับ 555
สรุป
ผู้หญิงดูพระเอกได้ ผู้ชายดูนางเอกเพลิน แฟนจะจูงมือกันไปดูก็ได้ข้อคิดจากพล็อตที่ชวนให้ระลึกถึงคุณค่าของวันเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันครับ T^T
หนังเข้าฉาย 2 ก.พ. นี้ครับ ใครสนใจควรรีบชมนะครับเพราะสัปดาห์นั้นหนังเข้าชนกันระเนระนาดเกรงว่าแต่ละเรื่องจะยืนโรงกันไม่นาน