See You Tomorrow หรือชื่อไทยว่า รักเธอ…ทุกวันพรุ่งนี้ เป็นหนังจีนเรื่องล่าสุดที่กำลังเข้าฉายบ้านเรา ด้วยจุดเด่นสำคัญเลยคือ มันเป็นหนังที่ฉลองครบรอบ 25 ปี ค่าย Jet Tone ค่ายหนังประจำตัวของ หว่องกาไว ที่มารอบนี้เฮียหว่อง ผู้สร้างชื่อจากหนังสไตล์เหงาแปลก และภาพอาร์ตที่จัดจ้าน ได้ผันตัวมาเป็นโปรดิวเซอร์ดันผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง จางเจียเจีย ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังที่มีรายได้สูงสุดติดสิบอันดับแรกของจีนในปี 2015 ให้ได้ลองทำหนังเรื่องแรก หลังจากเคยเขียนบทหนังแนวรักกุ๊กกิ๊กในสถานีวิทยุจากนิยายของตัวเองเรื่อง I Belonged to You (2016) และหนังแอคชั่นคอมเมดี้กำลังภายในสไตล์จัดอย่าง The Butcher ,The Chef and The Swordsman (2010) มาแล้ว

จางเจียเจีย กับหว่องกาไว
สำหรับเรื่องนี้ จางเจียเจีย ได้เลือกนิยายฮิตของตนอีกเรื่องอย่าง Passing From Your World มาถ่ายทอดใหม่ในชื่อ The Ferryman ก่อนจะมาลงตัวกับชื่อปัจจุบัน See You Tomorrow ในที่สุด และด้วยสรรพยุทธของหว่องกาไว ทำให้หนังสามารถดึงขุมกำลังสุดแกร่งของหว่องมาคืนจอร่วมกันได้อีกครั้งนับจาก Chungking Express (1994) ทั้ง เหลียงเฉาเหว่ย และ จินเฉิงอู่ หรือ ทาเคชิ คาเนชิโระ นอกจากนั้นยังได้ดาราสาวชื่อดังที่เพิ่งมีผลงานโกฮอลลีวู้ดเรื่อง Independence Day: Resurgence (2016) อย่าง แองเจล่าเบบี้ มาเสริมความงดงามให้หนังด้วย สมทบด้วยดารานักแสดงอีกคับคั่งทั้งรู้จักก็ดีไม่คุ้นหน้าก็ดี พร้อมพรั่งขนาดนี้ เรียกว่าโปรเจคยักษ์ของจริงเลย
หนังเล่าเรื่องของ เฉิน โม (เหลียงเฉาเหว่ย) หนุ่มเจ้าของบาร์ ฉายา คนเรือข้ามฟาก หรือ เฟอร์รี่แมน ที่นอกจากเปิดบาร์เหล้าแล้ว ยังมีบริการส่งคนข้ามฟากจากดินแดนทุกข์โดยเฉพาะในเรื่องความรักไปพบความสุขหรือการปล่อยวางให้ได้ด้วย ที่บาร์แห่งนี้ยังมีผู้จัดการร้านแสนกวนอีกหนึ่งคนนาม กวนชุน (ทาเคชิ คาเนชิโระ ) ที่ตัวเองก็มีรักฝังใจครั้งยังหนุ่มอย่างสาว โมโม่ แห่งร้านขนมผิงให้กลับมาหัวใจว้าวุ่นอีกครั้ง และตัวละครสำคัญสุดท้ายก็คือ เสี่ยวหยู (แองเจล่า เบบี้) ผู้ที่ต่อต้านร้านสุราแต่ลงท้ายก็กลายมาเป็นขาประจำพร้อมทั้งพยายามเรียนรู้การเป็นคนเรือข้ามฟากเพื่อช่วยเหลือไอดอลในวัยเด็กอย่าง หม่าลี่ (เอสัน เฉิน) ศิลปินระดับโลกที่กำลังระทมเพราะคู่หมั่นสาวปันใจให้ชายอื่น (หนังยังได้ ลู่หาน มารับบทนี้ในวัยหนุ่มด้วย สมกับโปรเจคใหญ่ของค่ายจริงๆ)
เฉินโม จึงต้องรับมือกับธุรกิจบาร์ บรรดาแขกลูกค้าหรือแม้แต่คนใกล้ตัวที่มีปัญหามาปรึกษาไม่หยุดหย่อน และแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังมีสัมภาระจากรักในอดีตที่รอวันส่งข้ามฟากอยู่เช่นกัน
ความเจ๋งของหนังคือการที่ จางเจียเจีย ทดลองผสมสไตล์ของหว่องกาไวที่เขาชื่นชมโดยเฉพาะงานถ่ายภาพที่สวยสด แสงสีจัดจ้าน และยังคงอารมณ์แบบทั้งแฟนตาซีผสมซีจีการ์ตูน ๆ ในสไตล์โจวซิงฉือ และทั้งบรรยากาศเหงาแปลก ๆ ของหว่องได้ลงตัว และเพราะเป็นงานกำกับครั้งแรก หว่องเลยเข้ามาเทรนนิ่งให้ตั้งแต่เริ่มทำหนังกว่า 3 ปีเต็มทีเดียว ผลที่ได้คือมันมีหลายฉากเลยที่ทำให้เรานึกถึงหนังของหว่องในบรรยากาศที่ตลกหน้าตาย และจังหวะล้น ๆ แบบเฮียโจว ที่ไม่เข้ากับหว่องสักนิดเดียว
รอบที่ได้ดูเป็นซาวด์แทร็กเสียงจีนบรรยายไทย ทำให้ได้รับบรรยากาศดั้งเดิมค่อนข้างสมบูรณ์ ก็ต้องยอมรับจากใจว่าหนังยัดสไตล์นู่นนี่นั่นมาเยอะ เรียกว่ามันมือ จนบางทีก็รู้สึกไม่ค่อยเป็นก้อนเดียวลื่นไหลกันไปทั้งเรื่องนัก ทำให้หนังมีความสะดุด ๆ ในอารมณ์อยู่เหมือนกัน ในขณะที่เรื่องราวก็ช่างมากมายตัวละครและปัญหาตัดสลับคู่นั้นคู่นี้จนถ้าเราเป็น เฉิน โม ที่ต้องคอยไปตามแก้ปัญหาในฐานะยอดมนุษย์ศิราณีคงกุมขมับเอาเหมือนกันว่าอะไรมันจะมะรุมมะตุ้มได้ขนาดนี้
แต่พอเราเริ่มจับตัวละครและกรุ๊ปเรื่องราวของแต่ละคนได้แล้ว หนังมันก็สนุกอยู่ไม่เบานะ ถึงจะไม่ได้ฮาก๊ากแต่ก็มีอมยิ้ม ๆ ได้ เสียดายว่าถ้าพากย์ไทยคงฮาได้มากกว่านี้อีก อีกอย่างที่เด่นนอกจากภาพสวย ๆ แล้วก็คงเป็นเพลงประกอบที่ติดหูไม่เบาเลยล่ะ แต่กระนั้นล่ะครับหนังเป็นแฟนตาซีอยู่ดี ๆ ก็แอบหมัดดราม่าอัปเปอร์คัทเข้าต่อมน้ำตาผู้ชมไม่รู้ตัวเลย คือจริง ๆ เรื่องราวของแต่ละตัวละครนี่มันเศร้ามากเลยนะ แค่ถูกฉาบหน้าด้วยการแสดงที่ล้นฮาเว่อเท่านั้นเอง พอมันมาเฉลยความรู้สึกและเรื่องราวเบื้องหลัง ถึงบางคู่จะเดาไม่ยากนักก็เถอะนะ แต่ก็ทำเอาปล่อยโฮได้เลยจ้า โดยเฉพาะที่มาของชื่อหนังและชื่อบาร์ที่ว่า See You Tomorrow นี่ล่ะจี๊ดมาก
สรุป
หนังเข้าฉายในประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และ ไต้หวัน ไปก่อนแล้ว โดยเปิดตัวฉายไปในประเทศจีนด้วยรายรับกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะเก็บรายได้รวมไปที่ 69.3 ล้านเหรียญ ซึ่งก็ไม่ได้สูงนัก ยิ่งเมื่อดูคะแนนจากเว็บวิจารณ์หนังของจีนอย่าง douban ก็ทำไปได้เพียง 4/10 คะแนนเท่านั้นอีก ก็เรียกว่าน่าหวั่นใจสุด ๆ เหตุนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบสำหรับเวอร์ชั่นที่จะฉายในไทยในวันที่ 2 มีนาคมนี้ จึงเป็นฉบับ International ที่มีการตัดต่อใหม่ และทดลองฉายครั้งแรกในไทยเป็นที่แรกของโลกด้วย ซึ่งหลังจากดู ถึงจะไม่อิ่ีมไปทั้งทางอารมณ์หว่อง และอารมณ์โจว แต่มันก็เกิดแนวทางอารมณ์เจียเจีย ที่แปลกใหม่น่าดูเหมือนกันนะ แล้วจะพลาดได้ไงล่ะเนอะ!!