สรุปก่อนเลย เผื่อใครขี้เกียจอ่านยาว
ไม่ได้คิดว่าจะได้รู้สึกสนุกสนาน อมยิ้มตั้งแต่ 5 นาทีแรกของหนังเรื่อยไปจนจบแบบนี้ เป็นหนังฟีลกู้ด ใสใสวัยรุ่นชอบ มาก ๆ หนังสร้างจากเรื่องจริงแต่ก็เสริมเติมแต่งได้สนุก ตัวละครเยอะแต่ก็เฉลี่ยบทได้ดี ก็ต้องยอมรับว่าหนังมีจุดเป๋จุดพร่องประปราย แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ยิ้มขวยเขินกับความใสของวัยรุ่นแบบนี้มานานจริง ๆ เลยให้อภัยหมดทุกสิ่งอย่าง ออกจากโรงมีความสุขมาก
ปี 2006 โรงเรียนพาณิชยการแห่งจังหวัดฟุคุอิ เมืองธรรมดา ๆ เมืองหนึ่งของญี่ปุ่น ได้เกิดมีชมรมเชียร์แดนซ์หญิงที่รวบรวมเด็กสาวที่รักการเต้น ทั้งมีทักษะบ้างและไม่เคยเต้นมาก่อนเลย แต่กลับมีความฝันสุดโต่งร่วมกันอย่างการต้องไปชนะเชียร์แดนซ์ระดับโลกที่อเมริกาให้ได้ พูดไปก็เหมือนเด็กโรงเรียนมัธยมต่างจังหวัดบ้านเราสักโรงที่เพิ่มเริ่มเล่นบอลแล้วบอกว่าจะไปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก U-17 อะไรเทือกนั้นเลยครับ คือเกินตัวและแทบเป็นไปไม่ได้ พูดให้ใครฟังก็คงมีแต่หัวเราะ แต่ครูที่ปรึกษาชมรมวัย 48 ปีอย่าง อ.อิงาราชิ ยูโกะ ได้บอกกับพวกเด็ก ๆ นักเรียนที่ล่องลอยตามประสาวัยรุ่นซึ่งก็เรียนให้จบ ๆ ไปเพื่อไปทำงานที่บ้านหรือเป็นลูกจ้างออฟฟิศว่า พวกเธอต้องเปลี่ยนแปลง ต้องมีเป้าหมาย ต้องขยันอดทนเพื่อความฝันยิ่งใหญ่ แล้วมันก็กลายเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ ที่หลังจากล้มลุกกันหลายครั้งในที่สุดพวกเธอก็ได้ไปแข่งที่อเมริกาจริง ๆ ด้วย กลายเป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจแสนอบอุ่นให้กับคนญี่ปุ่นทั้งประเทศทีเดียว
โชว์จากทีม Jets ตัวจริงรุ่นปัจจุบันที่เพิ่งชนะระดับประเทศอีกครั้ง และได้ไปแข่งชิงแชมป์โลกที่อเมริกาอีกครั้งด้วย
หนังเรื่องนี้ก็สร้างมาจากเรื่องจริงนั้นล่ะครับ พลอตแบบหนังสูตรสำเร็จของพวกขี้แพ้ที่มารวมตัวกันต่อสู้จนประสบความสำเร็จซึ่งมีให้ดูมานักต่อนัก อย่างงานบ้านเราก็คงเป็นหนังอย่าง สตรีเหล็ก แต่ถึงจะซ้ำจนช้ำขนาดไหน เรื่องราวแบบนี้มันก็มักสร้างกำลังใจให้คนได้เสมอ ๆ ไม่เสื่อมคลายเช่นกัน โดยเรื่องนี้จึงมีจุดขายสำคัญที่ทำให้ไม่เหมือนหนังแนวเดียวกันก็คือ เหล่านักแสดงและการสร้างคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์น่าจดจำมาก ๆ รวมถึงทีมเบื้องหลังสุดเจ๋งอย่าง ผู้กำกับหนังวัยรุ่นอย่าง ฮายาโตะ คาวาอิ ที่เคยทำหนังรักจากมังงะพระเอกไม่หล่อแต่จิตใจงามอย่าง Ore Monogatari!! (ไม่หล่อแต่เร้าใจ) และมือเขียนบทสุดเทพ ฮายาชิ ทามิโอะ ที่เคยเขียนบทหนังชมรมดำน้ำชายแสนว้าวุ่นอย่าง Dive!! และหนังแนวขวัญใจสายอินดี้อย่าง Fish Story มาแล้วด้วย ก็เข้าทางสำหรับเรื่องนี้เลยทีเดียว
หนังเล่าเรื่องของ ฮิคาริ (ฮิโรเสะ ซึสึ น้องเล็กจากหนัง Our Little Sister) เด็กสาวม.4 ที่กำลังเลือกชมรม แล้วเธอก็เข้าชมรมเชียร์แดนซ์ เพราะคิดว่าเท่ดี ที่สำคัญเลยคือเพื่อจะได้ไปเชียร์คนที่เธอคิดเอาเองว่าเป็นแฟนเก่าสมัยม.ต้น ที่ปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลประจำโรงเรียนสุดฮอตอย่าง โคสุเกะ (แมกเคนยู – นักแสดงดาวรุ่งสุดฮอตที่กำลังมีผลงานใน JoJo’s Bizarre Adventure: Diamond is Unbreakable)
แต่แค่วันแรกที่เข้าไปชมรมก็ได้เจอกับอาจารย์ที่ปรึกษาสุดโหดอย่าง อ.ซาโอโตเมะ ฉายาครูจากนรกสุดเขี้ยว (อามามิ ยูกิ – นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นประจำปี 2002) ก็ทำเอารุ่นพี่ปีเก่าและสมาชิกใหม่ลาออกกันเกือบหมด เหลือเพียง 12 คนที่เป็นเด็กใหม่มือสมัครเล่นกันล้วน ๆ เลยด้วย
ซึ่งในจำนวนนี้นอกจากฮิคาริที่เต้นไม่ได้เอาเสียเลย แต่ดันมีดีแค่รอยยิ้มธรรมชาติแสนสดใส ก็ยังมี ทาเอโกะ (โทมิตะ มิอุ) สาวอ้วนลีลาพริ้วไหวแต่ขาดความมั่นใจ อายูมิ (ฟุกุฮาระ ฮารุกะ) สาวคัฟเวอร์ผู้ร่าเริงที่ดันมีความมั่นใจมากเกินไป ยูอิ (ยามาซากิ ฮิโรนะ จากหนัง Lesson of the Evil) นักเต้นฮิปฮอปสเต็ปเทพแต่ดันยิ้มยากเพราะไม่ค่อยมีเพื่อน เรกะ (ยานางิ ยูรินะ จากหนัง Ju-on: The Final Curse) ลูกคุณหนูนักบัลเล่ต์สกิลสูงที่ชอบดูถูกความผิดพลาดผู้อื่น และสุดท้ายประธานชมรมสุดแสนเพียบพร้อม ผู้รักการเต้นเชียร์แดนซ์มากที่สุด แต่กลับไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ผู้นำเอาเสียเลยอย่าง อายาโนะ (นาคาโจ อายามิ – Miss Seventeen Grand Prix 2011)
นอกจากนั้นหนังยังได้ดาราสมทบมากมาย เช่น เคนทาโร่ (จากหนัง Sagrada Reset) มารับตัวประกอบเนิร์ดหน้าตายจอมขโมยซีนที่ทุกคนต้องขำเวลาเขาปรากฏตัวมาตามตื๊ออายาโนะ, ฮิสุกิ ฮานะ (จากซีรีส์ Galileo ภาค 2) มารับบทโค้ชเต้น, คิโนะชิตะ ทาคายุกิ (จากซีรีส์ Team Batista ภาค 2 และ 3) รับบทคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวหน้าเป็น เป็นต้น
มาพูดถึง ข้อดี ของตัวหนังด้านอื่น ๆ กันบ้าง หนังมีความน่ารักสูงมาก ด้วยบุคลิกของตัวเอกอย่างฮิคาริที่มาสไตล์ใสซื่อพูดตรง แสดงออกแบบบริสุทธิ์ใจ ออกจะแก่นเล็ก ๆ และมีความเอาใจใส่เพื่อน ๆ สูง ทำให้หนังแทบมีเธอเป็นศูนย์กลางของเรื่อง ซึ่งซึสึก็แสดงออกมาได้ติดตราตรึงใจมาก ๆ เช่นกัน คาวาอี้สุด ๆ ด้านตัวละครสำคัญอีกตัวในเรื่องที่เป็นเหมือนด้านตรงข้ามของนางเอกอย่าง อายาโนะ ที่เพียบพร้อมทุกอย่างฐานะบ้านดีมีแต่คนหลงรักเธอกลับไม่มีพลังในการชักจูงใจคนแบบฮิคาริ การที่เธอต้องแบกรับชมรมด้วยทำให้เธออิจฉาฮิคาริอยู่ลึก ๆ หนังมีการใช้ความขัดแย้งในตัวละครทุกตัวอย่างดีครับ แม้เรื่องจะไหลไปตามสูตรมาก ๆ จนบางทียังคิดว่ามันจะบังเอิญมากไปหน่อย แต่เพราะพลอตรองที่ทุกตัวละครต้องต่อสู้ ยอมรับจุดเสียของตัวเอง จุดเสียของเพื่อน ๆ แล้วฝ่าฟันมันนั้นก็ทำให้ทุกตัวละครมีเสน่ห์มีเรื่องราวน่าติดตาม
แม้ตัวละครจะมีมากจนไม่สามารถเล่าเรื่องของทุกคนได้ลึกนัก แต่หนังก็ฉลาดในการโยนฉากสำคัญสั้น ๆ ให้แม้แต่ตัวละครรอง ๆ ก็ยังได้โชว์ของ ซึ่งนักแสดงก็รีบฉกฉวยโอกาสนั้นได้อย่างฉกาจฉกรรจ์เสียด้วย ยกตัวอย่างตัวละครแสนจะตัวประกอบอย่างทาเอโกะสาวอ้วนที่เรามองปุ๊บก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอเป็นพวกตุ้ยนุ้ยที่ต้องโดนรังแกดูถูกตามประสาหนังแนวนี้ แต่พอหนังเข้าเรื่องราวชีวิตทางบ้านของเธอ แค่ซีนสั้น ๆ แต่เธอก็สามารถดึงมุมลึกของตัวละครนี้ที่ขาดความอบอุ่นจากแม่แท้ ๆ ได้จนเราน้ำตาซึมให้เธอเลยทีเดียว และหนังก็ใช้พวกฉากสั้น ๆ แบบนี้ในการทำพลอตรองต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยมเลย ยิ่งพอมาพลิกมุมมองผ่านสายตาของตัวละครสำคัญอีกคนหนึ่งในท้ายเรื่องมันก็เปลี่ยนอารมณ์เราให้ซึ้งได้แบบไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าตัวละครนี้ใส่มาเสริมเรื่องให้มันสนุก ๆ แต่ดันได้ซึ้งน้ำตาซึมเสียอย่างนั้นเลยทีเดียวครับ บทหนังเทพมากในจุดนี้ อ่อหนังมีตัวละครลับโผล่มาเซอร์ไพร้ส์ในฉากการแข่งที่อเมริกาด้วย ใครชอบดูหนังแนวประกวด ๆ น่าจะจำได้ล่ะครับ
ข้อเสีย ก็ที่เกริ่น ๆ ไปล่ะนะ ว่าในความยาวหนัง 2 ชั่วโมงแม้จะได้ยิ้มตลอดไม่รู้สึกเบื่อ แต่ก็มีหลายครั้งที่หนังเล่นท่าง่ายจนเราหงุดหงิดใจ อุปสรรคบางอย่างปูมาเสียน่าจะขยี้ให้แหลกแต่หนังก็ปล่อยผ่านง่าย ๆ ก็อย่างว่าล่ะนะมันหนังฟีลกู้ดน่ะ แต่ถึงกระนั้นหนังก็มีการขยี้ปมดราม่าหลายครั้งในแบบที่เราคาดไม่ถึงด้วย อันนี้ประทับใจมากครับเหมือนหลอกคนดูหนังเชี่ยว ๆ ซ้อน ๆ ว่าไม่เล่นละนะ แต่ดันเอามาเล่นเฉยเลย อยากให้ไปชมด้วยตัวเองครับ
หนังเต้นไม่พูดถึงเพลงคงไม่ได้ หนังมีเพลงแดนซ์ฮิต ๆ เพียบครับ แต่ที่น่าจะฝังในใจผู้ชมน่าจะเป็นเพลงช้าที่ถูกใช้บ่อยครั้งในหนังอย่าง THE WORLD SEEMS SO BRIGHT – BEAUTIFUL DAY ซึ่งอาจหาฟังยากสักหน่อยครับ แต่เชื่อว่าออกจากโรงต้องลองมาเสิร์ชหาชื่อเพลงนี้กันแน่ ๆ ส่วนพวกการเต้นนี่อาจยังไม่ได้ความเป๊ะเท่านักเต้นจริง ๆ แต่เหล่านักแสดงก็พยายามกันได้อย่างน่าชื่นชมครับ ดูไปเอาใจช่วยไปไม่รู้ตัวเลยล่ะ
สุดท้ายคงต้องขอยืนยันว่า หนังเรื่องนี้ทำเอายิ้มไม่หุบด้วยความสุขและซึ้งใจ มีทั้งฮาและเขินจนแก้มปริไปกับพวกเธอ ในแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานมาก ๆ แล้วครับ ฟีลกู้ดกันสุด ๆ ไปเลย แนะนำๆ