หากใครยังจำกันได้และเคยได้ยลหนังผีงานดีอย่าง Conjuring ภาคแรกเมื่อหลายปีก่อนก็อาจจะคุ้นหน้ากับสาวน้อย โจอี้ คิง ในบทบาทของ คริสติน เพอร์รอน ที่ในเรื่องนี้ เธอขยับมารับบทเป็น แคลร์ สาวไฮสคูลสายอาร์ตที่ชีวิตฟัคอัพมาก ไม่ว่าจะเป็นการถูกเขม่นจากเพื่อนร่วมชั้น ครอบครัวแตกสลาย ในวัยเด็กเธอต้องสูญเสียแม่ เหลือเพียงพ่อของเธอ (โจนาธาน) ที่มีอาชีพเก็บของเก่าตามกองขยะแถมสติเพี้ยนไม่อยู่กับร่องกับรอย ความสุขไม่กี่อย่างที่ แคลร์ มียามมาโรงเรียนก็คือ การได้เจอหน้าเพื่อนสนิทอย่าง เมเดริท และ จูน ที่เป็นเหมือนสหายที่พึ่งพายามยากเสมอ รวมทั้งการได้แอบเหล่ พอล ผู้งานดีเพื่อนร่วมชั้นของเธอไปวัน ๆ ที่เหลือคือชีวิตสาวอวบลูซเซอร์คนหนึ่งที่แบกรับความกดดัน ความเศร้าไว้อยู่ในใจจากการถูกกลั่นแกล้งและไม่ยอมรับ แต่สำหรับเรื่องนี้ผมนี่แหละยอมรับแน่ ๆ เพราะโจอี้ คิง ในวัยแตกเนื้อสาวสะพรั่ง 17 ปี นอกจากแววตาที่มีเสน่ห์อย่างประหลาดของเธอแล้ว พัฒนาการของทรวดทรงองเอวของน้องนางเองก็จัดอยู่ในเกณฑ์ หน้ามัธยม นมมหาลัย อย่างเป็นเอกฉันทน์ (ฮา)
ทีนี้ ชีวิตลูซเซอร์ของสาวสายอาร์ตที่รักการวาดภาพเป็นชีวิตจิตใจ ต้องพบจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ จากเช้าวันหนึ่งที่ โจนาธาน พ่อของเธอ ค้นเจอกล่องดนตรีหน้าตาประหลาดอยู่บนกองขยะหน้าบ้านขณะกำลังรื้อของเก่าที่ไปเก็บมา ด้วยความที่เห็นว่ากล่องปริศนานั้นมันทำออกมาดูมีราคา เลยห่อเป็นของขวัญวันเกิดให้แคลร์ลูกสาวเสียเลย ซึ่งเมื่อเธอรู้ว่าเป็นกล่องที่ไว้สำหรับขอพร เลยลองอธิษฐานเล่น ๆ ด้วยความหวังอันน้อยนิดว่า มารผจญที่รอเธออยู่ที่โรงเรียนนั้นจะได้รับกรรมกลับคืนไปบ้าง
‘แต่แล้วสิ่งที่เธออธิษฐานไว้กับกล่องวิเศษนี้ กลับเกิดขึ้นตามนั้นจริง ๆ’
‘แต่มีเงื่อนไขว่าเมื่อพรของเธอสมปรารถนา มันจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนด้วยเลือด’
รูปแบบของโศกนาฏกรรมที่แลกมาจากพรแต่ละข้อที่ แคลร์ ไปขอนั้น ยิ่งดูผมก็นึกไปถึงหนังแฟรนไชส์ฟอร์มใกล้เคียงกันอย่าง Final Destination หรือ Death Note แต่ถึงจะเดาทางได้ง่าย แต่ก็จัดว่าการเดินเรื่องสามารถบีบคั้นคนดูให้รู้สึกกดดัน จนมุม ได้เป็นระยะเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อ แคลร์ เริ่มถลำลึกไปกับพรอันวิเศษของกล่องอาถรรพ์นี้ มันก็จะมีมิติซ้อนในตัวละครของ แคลร์ เพิ่มเข้ามาในเรื่องจิตใจ ความโลภ ความต้องการที่ไม่สิ้นสุดจากความที่เธอไม่เคยมี ไม่เคยเป็น ไม่เคยได้รับ ได้แค่เพียงฝันถึงมาตลอด เมื่อสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยความตายของคนใกล้ตัวนั้นกลับกลายเป็นความสุขที่มากกว่า นี้เลยกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ Wish Upon เริ่มออกรสออกชาติให้รู้สึกอยากลุ้นต่อไปอีก
Wish Upon มันไม่ได้ขายความแหวะอย่างที่คาดคิดไว้เท่าไหร่นัก สิ่งที่กลับเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ คือหนังขยายปมดรามาของตัวละครได้ไม่ขี้เหร่ โดยเฉพาะตัวแคลร์เองแม้จะถูกกลั่นแกล้งรังแกหรือขาดความรักความอบอุ่น แต่เธอก็ไม่ใช่ลูซเซอร์ที่ไม่สู้คนเหมือนนางเอกละครหลังข่าวบางเรื่อง กลับกันเธอก็พยายามดิ้นรนหาทางที่จะพ้น ไม่ให้ใครมาเหยียดหยามเธอในสภาพนี้ได้นาน ๆ หนังมันพาคนดูไปสำรวจจิตใจตัวละครของแคลร์ให้เห็นทั้งด้านมืดและสว่าง ความเป็นคนเทา ๆ ของเธอทำให้คนดูรู้สึกได้ประมาณว่าทั้งเห็นใจและสมน้ำหน้าอินี่แล้ว
อีกหนึ่งจุดที่ทำให้ Wish Upon ดูมีของมากขึ้นคือวิธีการคลี่คลายปมตำนานที่มาที่ไปของเจ้า กล่องดนตรีปริศนานี้แหละ ที่เฉลยออกมาแล้วดูมีน้ำหนักน่าไปค้นไปตามต่อ หนังกดดันคนดูได้ดีในการนำพาคนดูไปจุดเสียวสุด (ของหนัง) ได้ตามเป้าหมาย ปริศนาที่ถูกไขออกมาในวัยเด็ก ทำให้เรายิ่งมองเห็นความซัฟเฟอร์ในตัวแคลร์มากขึ้น เรียกว่าถ้าจะมีใครที่พอจับต้องได้เป็นตัวเป็นตน ก็มีแค่แคลร์ นี่แหละ เพราะตัวละครอื่น ๆ ที่อยู่รายล้อมตัวเธอนั้น แทบไม่ได้ถูกให้น้ำหนักหรือความผูกพันใด ๆ มากมาย แต่มันก็มีข้อดีตรงที่ หนังเริ่มจะไล่ความสำคัญของเหยื่อเจ้ากล่องดนตรีนี้ จากคนรู้จักผิวเผินค่อย ๆ เป็นอันตรายกับคนใกล้ตัวแคลร์ขึ้นเรื่อย ๆ และตรงนี้แหละที่หนังไล่ระดับความกดดันได้ดี แม้ว่าจะมีบางช่วงที่การตัดสินใจของแคลร์จะดูหลุดจากคาแร็คเตอร์ของเธอจนไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง แต่ไม่ถือว่าน่าเกลียดอะไร พออนุโลมได้
หนังออกแบบให้กล่องดนตรีนี้ดูลึกลับ มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ ไม่ก๊องแก๊ง แม้ว่าจะยังห่างชั้นกับพวกเทปวิดีโอใน The Ring หรือว่าตุ๊กตาชัคกี้ แต่ก็ถือว่าเป็น พร ขอ ตาย ที่ทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดกดดันทุกครั้งเมื่อเห็นฉากเจ้ากล่องดนตรีนี้แง้มออกมาส่งเสียงเพลงมรณะ อันที่จริง หนังชูประเด็นรอง (sub plot) ได้น่าสนใจไม่แพ้กับเรื่องกล่องดนตรีนี้ด้วยซ้ำ และหนังสกัดประเด็น จนเห็นซับเจ็กต์ที่ชัดเจนดีว่ามันอยากจะ ‘สอน’ อะไรคนดูกลับไปบ้าง แต่น่าเสียดายที่การกระจายบทบาทให้ตัวละครอื่น ๆ นั้นมีน้อยไปนิด รวมถึงบทสรุปที่เดาได้ไปหน่อยชนิดไม่ต้องเป็นคอหนังสยองขวัญก็แทบจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในฉากต่อไป แต่ถึงอย่างนั้น Wish Upon ก็สนองนี๊ดเติมเต็มความหลอนได้รสชาติระดับหนึ่ง นอกจากนี้ นักแสดงหนุ่มสาวในเรื่องที่แคสมาก็ถือว่าดูมีเสน่ห์หลากหลายไม่เลี่ยนดี เชื่อว่างานนี้ออกจากโรงมาต้องมีไปหาไอจีมาฟอลโลว์กันแน่นอน อิอิ