สรุปก่อนเลยเผื่อใครขี้เกียจอ่านยาว

แม้จะเผาหัวมาว่าเป็นหนังจากผู้กำกับหนัง John Wick (2014) แต่เอาเข้าจริงเนื้อแท้มันคือหนังสายลับฉบับหักเหลี่ยมหลอกลวงซ่อนปมซับซ้อนแบบ Mission Impossible (1996) เสียมากกว่า แต่ทว่าด้วยการออกแบบตัวละคร การใช้ภาพการคุมโทนสี และดนตรีสุดเฟี้ยว มันเลยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมาได้ และก็ไม่ใช่ว่าพาร์ทแอ็คชันจะโหลยโท่ยแต่อย่างใด คราใดที่มันเข้าโหมดปะฉะดะก็แซ่บถึงทรวงจริง ชาร์ลิซ เธอรอน กับ เจมส์ แมคอะวอย สร้างสีสันให้เรื่องได้โข มีโป๊ ๆ ให้เห็นแว้บ ๆ อยู่รำไร นี่จึงเป็นหนังผู้ใหญ่ทั้งความซับซ้อนของเนื้อหาและการนำเสนอ แต่โดยส่วนตัวเลยนะครับ ยังรู้สึกว่าหนังไม่กลมกล่อมเท่าไรในการผสมแนวหลักสายลับเข้มขึงจริงจังกับแอ็คชันแบบเวอร์วังเกินจริง

เป็นหนังที่ส่วนตัวมองว่ามาแบบม้ามืด คือตอนสร้างไม่ได้มีความโฉ่งฉ่างแบบหนังบล็อกบัสเตอร์อะไร มาเห็นอีกทีก็ตอนปีที่จะเข้าฉายเลย อาจด้วยอานิสงค์จากความดังของหนังอย่าง John Wick ที่ภาค 2 เพิ่งผงาดเมื่อต้นปีด้วย เพราะหนังก็ใช้บารมีจากเรื่องนั้นมาโฆษณาเพียบทั้งว่าเป็นผลงานจากผู้กำกับ John Wick (2014) ทั้งตัวอย่างที่โชว์ฉากแอ็คชันสไตล์ว่องไวแม่นยำและโหดเหี้ยมแบบจอห์น วิค รวมถึงโทนสีของหนังที่ใช้โทนร้อนผสมโทนเย็นซึ่งก็คุ้นเคยมาจากหนังเรื่องดังกล่าวอีกด้วย โดยหนังเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ เดวิด ลีท์ช  หนึ่งในผู้กำกับร่วมที่ไม่ได้เครดิตทางการใน John Wick ภาคแรก ดังนั้นจะบอกว่าเป็นผู้กำกับ John Wick ก็ไม่ถูกแต่ก็ไม่ผิดเสียทีเดียว และก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีฝีมือครับ เพราะนี่คือคนที่ถูกวางตัวให้กำกับ Deadpool 2 (2018) นั่นเอง

หนังเล่าเรื่องของสงครามสายลับในช่วงที่กำแพงเบอร์ลินกำลังถูกทำลายลงปี 1989 เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากการสอบสวนภารกิจหนึ่งของ ลอร์เรน โบรห์ตัน (ชาลิซ เธอรอน) สายลับของหน่วยราชการลับอังกฤษ ที่ออกปฏิบัติการในเยอรมันเพื่อตามหา สปายกลาส ที่ครอบครอง เดอะลิสต์ หรือไฟล์รวมรายชื่อสายลับทั้งหมดที่ทำภารกิจอยู่ โดยจะได้ เดวิด เพอร์ซิวัล (เจมส์ แมคอะวอย) สายลับที่ทำธุรกิจมืดในเยอรมันคอยช่วยเหลือ โดยอีกฝั่งที่ตามล่ารายชื่อนี้เช่นกันก็คือกลุ่มเคจีบีของ บรีโมวิช  ที่มีอิทธิพลกว้างขวาง ยังรวมไปถึงหน่วยงานอื่นที่เข้ามาพัวพันอีรุงตุงนังทั้งสายลับฝรั่งเศสอย่าง เดลฟีน (โซเฟีย โบเทลล่า) และซีไอเอฝั่งอเมริกันอย่าง เคิร์ตเฟลด์ (จอห์น กู้ดแมน) เรียกว่าเป็นพลอตที่ชงมาให้โกหกและจริงสไตล์ The Usual Suspects (1995) และหักหลังหักมุมระหว่างคนแต่ละฝ่ายกันได้สนุกทีเดียว โดยนี่ก็เป็นผลงานดัดแปลงจากกราฟิกโนเวลเรื่อง The Coldest City โดยมือเขียนบทหนัง 300 ทั้ง 2 ภาคอย่าง เคิร์ต จอห์นสแตด ด้วย

ข้อดี

  • ดารานำอย่าง ชาลิซ เธอรอน ทำให้หนังน่าสนใจมาก ทั้งพัฒนาการตามเส้นเวลาจากสายลับสาวใส ๆ ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ จนกลายเป็นกร้านแกร่งสมบุกสมบัน คือทำได้เจ๋งดี ยังต้องชมไปถึงตัวละครประกอบต่าง ๆ ทั้ง แมคอะวอยที่คาแรกเตอร์ในเรื่องยียวนและไม่น่าไว้ใจได้ขีดสุดเลย โซเฟียเองก็เซ็กซี่และสร้างความลึกลับได้มาก ยังต้องรวมถึงเหล่าผู้รับหน้าที่สืบสวนในห้องลับทั้ง จอห์น กู้ดแมน และโทบี้ โจนส์ ที่ทำได้ดีเช่นกัน ทั้งหมดทำให้เกิดบรรยากาศที่ไว้ใจใครไม่ได้ คาดเดาเรื่องไม่ออก ทำให้ร่วมลุ้นกับตัวนางเอกได้มากขึ้นด้วย

  • การนำเสนอมีเอกลักษณ์ดีมากครับ ทั้งภาพที่ออกแบบมาได้อย่างมีศิลปะ โทนสีตัดเย็นร้อนที่ทำให้มีสไตล์นีออนนัวร์ จำพวกฟิล์มนัวร์ที่ใช้แสงแบบไฟนีออนสร้างบรรยากาศขึ้นมาก คือเท่เลย
  • เพลง ดนตรี เสียงที่ใช้ในเรื่องโดดเด่นจนเป็นอีกหนึ่งนางเอกของเรื่องเลย รสนิยมไม่ธรรมดาครับ

  • การผสมแนวสายลับ กับบู๊แอ็คชันสไตล์ประชิดทำให้เกิดความแปลกใหม่ครับ ปกติแนวสายลับแบบซีเรียส ๆ ดราม่า ๆ เรามักชินกับพวกยิงไม่กี่นัดหรือยิงจากที่ไกล ๆ ไม่ใช่แบบศิลปะป้องกันตัวระยะประชิดโหด ๆ นัก
  • ต้องชื่นชมคือความทะเยอทะยานของการคิดฉากแอ็คชัน อาจเพราะผู้กำกับลีทช์มาจากสายสตั๊นท์ด้วย โดยเฉพาะฉากลองเทคบู๊ลากยาวที่ทำได้ถึงมาก ๆ

  • หนังมีหลากรสดี ทั้งบู๊ ทั้งตลก ทั้งดราม่า ทั้งลึกลับ ระทึกขวัญ และวาบหวิว (ฉากหัวนมโผล่นี่เยอะมาก และฉากที่ชาลิซเล่นกับโซเฟียนี่เกินหนัง ท. ไปเยอะเลยครับ)

ข้อเสีย

  •  ความซับซ้อนสไตล์หนังสายลับที่มักพึ่งพาบทพูดและการเจรจาเป็นหลักนี่ มันไม่ค่อยเข้ากับพวกแอ็คชันรัว ๆ มัน ๆ เท่าไร ผลที่ได้เลยเป็นจังหวะประหลาด ๆ แบบมันรัวๆ แล้วเบรกสู่บทเจรจา แล้วก็บู๊รัว ๆ แล้วก็ตัดเป็นพูดคุย ทำให้อารมณ์ในทางมันสะใจไปไม่สุด แต่ถ้ามองในแง่หนังสายลับที่มีแอ็คชันเป็นรสเสริมก็ถือว่าพอได้ครับ เพราะทางสายลับเด่นกว่าและประสบความสำเร็จด้วย ใครคิดจะไปบู๊สะใจแบบตอนดู John Wick ก็คิดว่าต้องปรับทัศนคติก่อนเข้าชมไว้เลยครับ

Play video