ถ้าพูดถึงหนังตระกูล ‘สาระแน’ ก่อนหน้านี้เคยผ่านมาแล้วทั้งกับ สาระแนห้าวเป้ง หรือว่า สาระแน โอเซกไก ซึ่งถ้าพูดถึงงานหนังตลกแคนดิตแบบนี้ ถือได้ว่าให้รสชาติที่แตกต่างจากหนังไทยสายฮาที่ชอบเอาพระเอาผีมาเล่นจนช้ำแล้วช้ำอีก เพียงแต่ภาพจำที่มีร่วมกับสาระแนนั้นกลับเป็นเรื่องของอาการ ‘เครื่องร้อนช้า’ คือกว่าที่จะรู้สึกว่าหนังมันตลกก็ปาไปครึ่งเรื่องหรือบางทีเกือบจบโน่น ซึ่งเพราะว่าที่ผ่านมาดันไปพยายามทำให้เป็นหนังตลกจ๋า เลยทำให้ไปไม่รอดเพราะมุกที่คิดมานี่จะทำคนดูเครียดมากกว่า (ฮา) สุดท้ายก็ต้องกลับมาแนวทางแกล้งอำดาราเหมือนเดิมที่น่าจะเวิร์คที่สุดสำหรับแบรนด์สาระแน และ 2 พิธีกร วิลลี-เสนาหอย แล้ว
สำหรับสาระแนเลิฟยูววว กลับมาคราวนี้พร้อมกับค่ายหนังน้องใหม่อย่าง เทค ไทยแลนด์ (Tech Thailand) ของคุณหนึ่ง อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “เสี่ยเจียง” เจ้าของค่ายหนัง ‘สหมงคลฟิล์ม’ ยังคงคอนเซปต์จ้างดาราดัง ๆ ที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนี้มาแกล้งมาอำเป็นจุดขายหลักตามสไตล์งานสาระแนเช่นเคย โดยในภาคนี้พลอตเรื่องจะเป็นสไตล์ไล่ล่าแอ็คชันแบบฮา ๆ เริ่มจากสองคู่ซี๊ ‘หรั่งเร็ว’ (วิลลี แมคอินทอช) และ ‘เป้ง เป้าตุง’ (เสนาหอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) นักโทษคดีโจรกรรม ‘เพชรเดือนเก้า’ ที่มีมูลค่ามหาศาล ได้ทำการแหกคุกออกมาพร้อมทั้งออกตามหาเพชรที่เกิดสูญหายระหว่างถูกตำรวจจับกุม รวมทั้งเตรียมคิดบัญชีกับคนที่แอบฉกเพชรไปด้วย ซึ่งเมื่อทั้งสองแหกคุกและกลับไปหาครอบครัวที่บ้าน ‘หรั่งเร็ว’ ก็พบว่าภรรยา (ต้นหอม ศกุลตลา) นั้นได้แอบไปมีผู้ชายคนใหม่ (ซัน ประชากร) แล้ว ส่วนทาง ‘เป้า เป้าตุุง’ เมื่อกลับบ้านก็พบว่าพ่อของเขา (ป๋อง กพล) ไม่ยอมให้อภัย และตัดขาดพ่อ-ลูกกับเขาไปตลอดชีวิต
หลังจากนั้น หรั่ง และ เป้ง ก็ออกตามหา ‘จีน แผนเหนือ’ (เจแปน ภาณุพรรณ) และ ‘อ้วก สิบแปดมงกุฎ’ (ยัด เฟ็ดเฟ่) เพื่อน 18 มงกุฏที่เคยโจรกรรมร่วมกันมาตามล่าผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นคนเอาเพชรเดือนเก้าไป ซึ่งมีด้วยกัน 3 คนคือ มาริโอ้ เมาเร่อ พระเอกนมชมพู, จียอน สาวลูกครึ่งไทยเกาหลี และสายฮาอย่าง แจ็ค แฟนฉัน
ต้องบอกว่าสิ่งหนึ่งที่สะดุดตากับหนังเรื่องนี้คือเป็นเรื่องโปรดักชัน เรียกว่าเป็นหนังที่วางแบ็คกราวน์ได้สวยเรื่องหนึ่งเลย เรียกว่าเป็นเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ตั้งแต่เปิดเรื่องมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสง มุมกล้อง องค์ประกอบดีเยี่ยม โดยตลอดทางของหนัง จะพบว่ามีการล้อเลียนหนังหรือซีรีส์ดัง ๆ หลายเรื่องเอามายำอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งก็ต้องบอกตั้งแต่ต้นเลยว่าแป้กมาก รวมถึงการเข้าคู่ วิลลี-หอย กับการพยายามตลกนี่ต้องบอกว่าเคมีออกมาเลวร้ายมาก (ฮา) คือช่วงแรก ๆ ต้องหยุดคิดนิดหนึ่งว่าเมื่อตะกี๊ มุกใช่ใหม่? แล้วในขณะที่เราคนดูกำลังอ้ำอึ้ง กระอักกระอ่วน ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน ก็จะมีตัวละครจากไหนก็ไม่รู้แฉลบเข้ามาไม่ให้มัน dead air นาน ซึ่งหากจะให้ผมจดสถิติการใช้จังหวะกลบเกลื่อนแบบนี้ในหนังเรื่องนี้ ก็อาจจะนับได้เป็นสิบครั้ง (ฮา)
กลับมาโยงเข้าเรื่องอีกนิด คือเพชรเดือนเก้า นี้ทาง วิลลี-หอย ก็ร่วมมือกับ แปม-ไกอา, ซารา เอเอฟ, เจสซี วาร์ด เป็นทีมสาระแนมาช่วยแกล้งอำดาราด้วยกัน โดยหลัก ๆ ที่โดนแกล้งคือพระเอก มาริโอ้ เมาเร่อ, จียอน, ต้นหอม รวมทั้งแจ็ค แฟนฉัน โดยแบ่งแยกการแกล้งออกเป็น 5 พาร์ท และเซ็ตฉากสร้างสถานการณ์มาติดกับ โดยการข่มขู่ถามหาเพชรเดือนเก้าที่หายไปนั่นเอง ซึ่งจุดที่ดาราเจอโมเม้นต์มึน ๆ แล้วโดนทีมสาระแนแกล้งนั้นก็ทำได้ดูสนุกดี เพราะได้เรื่องของมุกสด และนั่นคือจุดเดียวที่หนังให้ความบันเทิง ส่วนที่เหลือก็ต้องบอกว่ากะโหลกกะลาจริง ๆ (ฮา)
เริ่มจากการใส่ฉากหลายฉากที่ไม่ได้เกิดความเชื่อมโยงใด ๆ กับฉากก่อนหรือหลังมาเลย, การใช้ซีจีแบบสติ๊กเกอร์มาเล่นกับฉากต่าง ๆ ในหนังนี่ยิ่งดูแล้วกลับรู้สึกเสียอารมณ์ แถมทั้ง ๆ ที่ดาราเบอร์แรงก็มากันเยอะ แต่กลับใช้งานได้เสียของมาก เหมือนจ้างมาเล่นทิ้งเล่นขว้างไปงั้น มุกที่พอจะให้ผ่านคือมุกสดจากดาราที่โดนแกล้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็อาศัยลูกหยาบสไตล์ dirty joke เข้าว่า โดยเฉพาะ เจแปน กับ ยัด เฟดเฟ่ ที่ต้องบอกว่าเสนาหอยใช้คุ้มกว่าใคร ๆ เลย ซึ่งสองคนนี้ถือได้ว่าช่วยฉุดหนังเรื่องนี้ไม่ให้ลงเหวไปไกลกว่านี้ จากช่วงครึ่งแรกของหนังนี่ ขยันยิงมุก 5 บาท 10 บาทชนิดจับยัดมาแต่ละที จนตัวเองเริ่มคิดในใจแล้วว่า ‘ยัง…ยังอีก’ ทำเอารู้สึกสงสารตัวเองไปเลยว่าทำไมเวลาพี่วิลลี่พี่หอยปล่อยมุกมา กรูจะต้องรู้สึกเขิน ๆ อาย ๆ คนดูแทนวะเนี่ย ทั้งที่ไม่ใช่หนังกรูเลย (ฮา)
ด้วยความที่เป็นยี่ห้อสาระแน หากใครที่ยังใหม่และไม่เคยดูมาก่อน ก็จะรู้สึกว่ามันไม่เหมือนดูหนังเสียทีเดียว แต่เหมือนมาดูรายการสาระแนตอนหนึ่งที่เปลี่ยนจากหน้าจอทีวีหรือมือถือมาเป็นจอในโรงเท่านั้น อย่าถามหาความเชื่อมโยง ที่มาที่ไปอะไร เพราะหนังมันไม่มีทฤษฎีอะไรมารองรับทั้งนั้น มีอะไรก็โยนมา ฮาบ้างไม่ฮาบ้าง ตลกเลอะเทอะไปเรื่อยไม่มีจุดหมาย บางฉากได้ฮาครืนทั้งโรง บางฉากต้องเลิกคิ้วสงสัย บางฉากได้แต่ถอนหายใจกับยำสาระแนนี้ แต่ก็ถือว่าหนังก็ยังคงคุมธีมความเป็นสาระแนให้ดูได้เรื่อย ๆ ด้วยความที่ตัวเองทำการบ้านให้หัวสมองโล่ง ๆ ไว้ก่อนแล้ว ก็ถือว่าได้ความบันเทิงกลับบ้านไปพอเป็นกระษัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแค่ไปส่องเนื้อตัวน้องนางเจสซี วาร์ด ก็ถือว่ามาหักล้างกับมุกแป้ก ๆ ในหนังได้พอกล้อมแกล้มอยู่ (ฮา)