ชายหญิงหลากวัยเดินเข้ามากลางโถงของหมู่บ้านพลัม ทีละคน ๆ ค่อย ๆ ถูกปลงผมโดยภิกษุที่บางคนเรียกว่าท่านอาจารย์ แต่นามจริง ๆ ของท่านคือ ติช นัท ฮันห์ ระหว่างนั้นอาจารย์เฒ่าก็ได้กล่าวโอวาทแก่ศิษย์ใหม่ทีละคนให้สละละทิ้งซึ่งบาปและกิเลสทั้งหลาย พร้อม ๆ กับปอยผมที่หลุดร่วงลง บางคนหลั่งน้ำตาสะอื้นไม่หยุดดูน่าฉงนในสายตาเราว่าเขาดีใจหรือเสียใจ
สิ้นพิธีบวช ภิกษุและภิกษุณีใหม่ต่างอาบรอยยิ้มเต็มดวงหน้าก่อนก้มลงกราบกับพื้น ภาพตัดไปทับซ้อนพอดีกับภาพกวางที่ค้อมหัวลงกินหญ้ากลางหิมะในฤดูหนาวสุดแสนทรหด สื่อถึงการสละเพื่อเกิด ทิ้งอัตตาเพื่อดื่มกินให้อยู่รอดทางจิตวิญญาณในโลกอันแร้นแค้นความสงบอย่างแท้จริง ณ ตอนนั้นล่ะ ที่ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีพลังบางอย่างเอามาก ๆ
Walk with Me เป็นผลงานการตามติดจริยวัตรของ ติช นัท ฮันห์ ภิกษุในนิกายเซน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการนำพาจิตวิญญาณด้วยแง่มุมที่ลึกซึ้งเป็นสากล เขาใจเรื่องยาก ๆ ให้ง่าย อย่างเช่นตอนหนึ่งเมื่อมีเด็กผู้หญิงถามท่านว่า หมาของหนูมันเพิ่งตาย และหนูไม่สามารถหยุดความเสียใจได้เลย ถ้าเป็นเราต้องใช้คำตอบให้เด็กคนนี้หายเศร้าและเรียนรู้เรื่องความตายมันคงเป็นคำพูดที่ยากพอสมควร แต่ท่านก็หยุดคิดเพียงครู่แล้วตอบกลับไปว่า เวลาที่หนูมองเห็นเมฆบนฟ้า แล้วเมฆเหล่านั้นมันหายไป แท้จริงมันไม่ได้หายไปไหน หากแต่เปลี่ยนรูปกลายเป็นสายฝน เป็นลำธารที่หนูได้เล่น หมาของหนูก็เช่นกันมันไม่ได้จากไปไหน แต่คงเปลี่ยนรูปเป็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวหนูนั่นเอง เด็กหญิงยิ้มรับอย่างดูเหมือนจะเข้าใจในทีในการเปรียบเปรยด้วยภาษาที่แสนง่ายทว่าถ้อยความลึกซึ้งกลับเกินวัยผู้ฟัง แต่รอยยิ้มของเธอนั้นคงไม่ใช่เรื่องประดิษฐ์หรือโกหก เด็กหญิงน่าจะก้าวผ่านความเศร้านั้นได้บ้างแล้ว และนั่นคือหนึ่งในบางส่วนที่เราจะได้พบในสารคดีเรื่องนี้
หนังยังนำพาเราไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านพลัมที่ผู้คนที่ศรัทธาในวิถีเซนของท่าน ติช นัท ฮันห์ โดยประหนึ่งว่ากล้องเป็นตัวแทนของเรา ลงไปสำรวจอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ห้องครัว ห้องนอน ลานกิจกรรม สถานที่ปฏิบัติธรรม ด้วยสายตาอย่างเปิดกว้างเป็นกลาง เราเห็นทั้งพระที่ดูสำรวมเคร่งขรึม พระที่ยิ้มสดใสแม้ใบหน้าจะไม่ได้แสดงอารมณ์ ตลอดจนพระที่หาวดูเบื่อหน่ายระหว่างการนั่งสมาธิ ในความหลากหลายเหล่านี้ เราจะค่อย ๆ ได้เรียนรู้วิถีเซนนี้ โดยที่บทบรรยายจากเสียงอันทุ้มต่ำของ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ไม่จำเป็นต้องอธิบายลงลึกใด ๆ เลย
นี่จึงเป็นงานที่ใช้สายตาเช่นใดมองก็จะได้รับความรู้สึกที่ต่างกันเมื่อออกมา หากมองอย่างสงสัยใคร่รู้จะออกมาอย่างเข้าใจ หากมองอย่างค้นหาสัจธรรมก็จะได้รู้เสี้ยวหนึ่งของมัน หากมองด้วยความไขว่คว้าความสุข ก็จะออกมาด้วยความสุข มันอาจไม่ใช่สารคดีหรือหนังที่ลูกเล่นแพรวพราว การเล่าเรื่องสุดแสนยอกย้อน หากแต่ไม่ธรรมดาด้วยบุคคลในเรื่องเล่านั้น ซึ่งนี่ไม่ใช่หรือที่เป็นพื้นที่ฐานของพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในงานสารคดี คือการที่มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจให้เล่า