เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่คอหนังให้ความสนใจกันไม่น้อย โดยเฉพาะนี่ถือเป็นผลงานการกลับมากำกับหนังจอเงินอีกครั้งอย่างเต็มตัวของ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก หลังจากที่เขาฝากผลงานเรื่องสุดท้ายอย่าง Side Effect ไว้เมื่อปี 2013 รวมทั้งจากหน้าหนังของ Logan Lucky นั้น ก็พาลทำให้ใครหลายคนหวนนึกถึงลายเซ็นหนังแก๊งจารกรรมรวมดาวฟอร์มเหนือเมฆใน Ocean Eleven (2001), Ocean’s Twelve (2004) Ocean’s Thirteen (2007) ที่ตอนนี้กำลังจะมีภาคต่อ Ocean’s Eight ในปีหน้าด้วย
แน่นอนว่า จากหน้าหนังที่เราได้เห็น ทุกสายตาอาจจับจ้องไปที่การพลิกบทบาทของป๋า แดเนียล เคร็ก กับการสลัดคราบเท่ขรึมของพยัคร้าย 007 มาเป็น โจ แบง ผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด แต่ถึงอย่างนั้น มันก็คือตัวละครประเภทจิ๊กซอว์ที่จะเข้ามาเติมเต็มแผนการของ 2 พี่น้องตระกูลโลแกน ทั้ง จิมมี (แชนนิ่ง ทาทั่ม) และ ไคลด์ (อดัม ไดร์เวอร์) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลต้องคำสาปที่พูดง่าย ๆ ว่าทำห่าไรก็ไม่เจริญแหละ (ฮ่า ฮ่า)
พลอตเรื่องของ Logan Lucky มันเริ่มจากกราฟชีวิตที่บัดซบของ 2 พี่น้องสุดบื้อ เริ่มจากจิมมี พี่ชายขาเป๋อดีตนักฟุตบอลดาวรุ่งพุ่งแรงที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาต้องตกงาน แถมเมียเก่าก็กำลังจะย้ายบ้านไปอยู่อีกเมืองหนึ่งตาม มูดดี้ สามีใหม่ไป พร้อมกับหอบเอา ซาดี้ (ฟาร่าห์ แม็คเคนซีย์) ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาไปด้วย ขณะที่น้องชาย ไคลด์ ผู้เสียแขนไปข้างหนึ่งจากสมรภูมิรบที่อิรัก ก็ต้องกลับมาเป็นบาร์เทนเดอร์ต๊อกต๋อยที่ใช้ชีวิตในบาร์ไปวัน ๆ และแน่นอนว่าเมื่อชีวิตมันเดินมาถึงจุดบัดซบที่สุดแล้ว เป็นบาร์เทนเดอร์ชาตินี้คงไม่รวย สองพี่น้องโลแกนก็เลยคิดโปรเจ็กต์ปล้นเงินรางวัลในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชื่อก้องอย่าง NASCAR ในรายการ Coca-Cola 600โดยหวังว่าเงินมหาศาลนี้จะทำให้เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล
แน่นอนว่าจะทำกาารใหญ่ ลำพังพี่น้องเฉิ่ม ๆ 2 คน คงไปไม่รอด แต่พวกเขาก็ฉลาดพอที่จะรู้จักฟอร์มทีมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น เมลลี (ไรลีย์ คีโอห์ ) น้องสาวสุดเอ็กซ์ที่เป็นช่างทำผม, และ โจ แบง ผู้ซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้วิธีระเบิดตู้เซฟยักษ์ที่เก็บเงินรางวัลของการแข่งขันไว้ ผู้ซึ่งทำให้สองพี่น้องต้องลงทุนไปชวนมาร่วมทีมถึงในคุก
ต้องบอกว่า Logan Lucky มาในฟอร์มที่ผิดคาดไปจากหนังตลกบริโภคสายแดกด่วนเลย มันเป็นหนังที่มีความครบเครื่องแต่ยังคุมโทนของความเป็น heist comedy ผสมผสานกับความเป็นคันทรีอย่างออกรสออกชาติ และโดยเฉพาะมุกตลกร้ายแนวเสียดสีสังคมอเมริกันที่ขยันยิงมาเป็นระยะ ไล่ตั้งแต่มุกบ้าน ๆ ที่มีความคัลต์มาก ๆ การแซะสวัสดิการรัฐบาลสหรัฐฯ การทำงานของข้าราชการในเรือนจำ ทำให้ผมแอบนึกถึง Prison Break ไปด้วย ยิ่งมองดูบรรดาเจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมทั้งพัสดีของเรื่องนี้ก็สันดานคล้ายกับ ผู้คุมเรือนจำ เบลลิค ยังไงยังงั้น!
จุดแข็งของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ การร้อยเรียงหยิบจับประเด็นเล็ก ๆ ยิบย่อยออกมาพูดได้หมดครบถ้วน และทำได้ลงตัวดีชนิดเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ตัวละครหลัก ๆ ทุกตัวมีมิติ ชั้นเชิงการเล่าก็ดูสดใหม่ น่าสนใจ เดายาก มีหักมุมระหว่างทาง คนดูไม่รู้ว่าพี่น้องโลแกนหรือว่าโจ แบง คิดจะทำอะไรต่อไป สิ่งเหล่านี้ทำให้มันดูมีอะไรน่าค้นหาและสนุกกับการเดาทางหนังไปได้เรื่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเส้นบาง ๆ ระหว่างความครบเครื่องและความน่าเบื่อ เพราะด้วยความที่มันกระจายประเด็นที่จะเล่าออกมามาก ทำให้เมสเซจไม้ตายของหนังมันไม่ชัดเจน แถมยังเดินเรื่องอิืดยืดยาดตามสไตล์ผู้กำกับด้วย ซึ่งสุ่มเสี่ยงกับการหลับในระหว่างทางอย่างมาก แต่ยังดีที่หนังขยันยิงมุกให้ฮาครืนมาได้เป็นระยะ และเป็นมุกที่ถือเป็นลายเซ็นต์ของหนังดี
อีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ แดเนียล เคร็ก ในบทบาทขรึม ๆ ปนฮาของ โจ แบง ก็ปรากฏว่าเอาอยู่ ซึ่งจะว่าไปตัวละครของมหาโจรสมองเพชรตัวนี้ก็มีส่วนคล้ายกับ เจมส์ บอนด์ อยู่ไม่น้อย เรียกว่าไม่ถึงกับพลิกบทบาทมากนัก เป็นแคแรคเตอร์ในแนวทางที่เขาเล่นได้สบาย แต่เป็นมิติใหม่ ๆ ที่คนดูจะได้เห็น แดเนียล เคร็ก ในบทบาทที่ต่างออกไป ซึ่งแม้ว่าในเรื่องนี้น้ำหนักจะเทไปทางฝั่งพี่น้องโลแกนเสียส่วนใหญ่ แต่พี่แกก็โผล่มาขโมยซีนได้เป็นระยะ
Logan Lucky เป็นหนัง comedy ที่มีครบทุกรสจนสามารถพาดพิงไปถึงหนัง genre อื่นแต่ยังคุมความเป็น comedy ได้น่าทึ่ง มันคือเชฟระดับภัตตาคารที่หยิบจับวัตถุดิบมากมายมาทำให้กลมกล่อมได้ในจานเดียว ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจไม่ใช่รสชาติสำหรับของคนดูกลุ่มแมสเสียทีเดียว ยังมีจุดสะดุดนิดหนึ่งตรงการเดินเรื่องที่ค่อนข้างจะอืดอาดยืดยาดไปหน่อย บางมุกก็ niche มาก ๆ สำหรับคนบางกลุ่ม แต่ถึงอย่างนั้น หากให้กลับมาดูใหม่ ก็ถือว่ายังน่าดู และถือว่ากำไรของคนดูคือได้เห็นดาราเยอะมากโผล่มาแจมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ไม่ว่าจะเป็น ฮิลลารี สแวงค์ นางเอกดีกรีสองรางวัลออสการ์ (Boys Don’t Cry และ Million Dollar Baby), เซบาสเตียน สแตน (Captain America: Civil War) หรือ แคทเธอรีน เวเตอร์สตัน ( Fantastic Beasts and Where to Find Them) กับบทบาทคุณหมอสาว
อย่างไรก็ตาม Logan Lucky คือการกลับมาที่ยอดเยี่ยมสมการรอคอยของ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก กับงานที่มีลายเซ็นชัด มีความแสบคันในการกัดจิก ตอตนิดตอดหน่อยในสังคมอเมริกัน ที่ทำออกมามาได้โคตรเก๋า เหมาะมากสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปดูหนังจารกรรมแบบ western อันมีสเน่ห์เฉพาะตัวเปี่ยมล้น Logan Lucky ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน