นี่คือหนังร่วมทุนสร้างจีน-อังกฤษ นะครับ ไม่ใช่หนังฮอลลีวู้ด เราได้ดูก่อนอเมริกาครึ่งเดือนเลย เพราะหนังจะไปฉายในอเมริกากลางเดือนตุลาคม ตัวหนังดัดแปลงมาจากนิยาย The ChinaMan ของ สตีเฟน ลีเธอร์ ออกมาตั้งแต่ปี 1992 นู่น นิยายก็ขายได้ระดับธรรมดาไม่ได้เข้าอันดับเบสต์เซลเลอร์ ไม่ได้รางวัลแต่อย่างใด ใช้เวลาตั้ง 25 ปี กว่าจะไปเข้าตาผู้สร้างนำมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ ถึงตอนนี้น่าจะกลับมาขายดีแล้วล่ะ
เนื้อหาในนิยายตรงตามในหนังเป๊ะ ควอน เป็นอดีตทหารจีนที่ไปร่วมรบกับพวกเวียดกงในสงครามเวียดนาม แล้วก็แปรพักตร์มาอยู่กับทหารอเมริกัน พอฝ่ายเวียดกงชนะก็เลยโดนจับมาทรมาน ควอนหนีออกมาได้เลยพาเมียและลูกสาวสองคนลงเรือหนีมาฮ่องกง ระหว่างอยู่กลางทะเลโดนโจรสลัดไทย ทำไมต้องไทยก็ไม่รู้ปล้นเรือลูกสาวทั้ง 2 ของควอนโดนฆ่าตาย ขอบคุณผู้ดัดแปลงบทภาพยตร์ที่ลดทอนความโหดร้ายตรงนี้เพราะในหนังสือเขียนว่าควอนโดนบังคับให้ดูลูกสาวสองคนโดนข่มขืนก่อนถูกฆ่าทิ้ง ชีวิตควอนระหกระเหินกับเมียจนมาตั้งรกรากในอังกฤษ มีลูกสาวคนใหม่และเปิดร้านอาหารจีน เมียตาตอนคลอดลูก ชีวิตของควอนเลยมีแค่เขากับลูกสาว แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัดลูกสาวมาตายในเหตุระเบิดกลางกรุงลอนดอน ควอนตามหาตัวผู้รับผิดชอบจนเจอว่าผู้ที่จะให้คำตอบเขาได้คือ เลียม เฮนเนสซี่ รัฐมนตรีช่วยตัวแทนของไอร์แลนด์ ควอนพยายามตื๊อขอชื่อมือระเบิดแต่ก็ไม่ได้คำตอบ ควอนเลยฟื้นวิญญาณนักรบใช้ไม้แข็งกับเลียม เพื่อบีบบังคับให้เขาเผยชื่อมือระเบิด
จุดที่น่าชื่นชมคือความตั้งใจในการปรับเปลี่ยนบุคลิกของแจ๊คกี้ ชาน กับวัย 63 ปี ไม่พยายามเท่สมาร์ทอีกต่อไป ในบท ควอน ชายแก่ที่มีความสุขกับลูกสาวในบั้นปลายชีวิต เดินซอยขาสั้น ๆ นั่งหลังโค้ง หน้าหงอย ดูไม่มีพิษสงกับคนรอบข้าง แต่พอเข้าโหมดโหดก็ดูมีความจริงจังทั้งสีหน้าและแววตา ครึ่งแรกนี่เป็นช่วงของแจ๊คกี้ ชาน จริง ๆ กับการตามล้างตามผลาญเลียม แต่พอเข้าครึ่งหลังบทควอน ก็ถูกลดระดับไปเป็นพลอตรอง เพียร์ซ บรอสแนน ดูสบาย ๆ มากกับบทเลียม เฮนเนสซี่ ดูใกล้เคียงกับบท อดัม แลง ของเขาใน The Ghost writer (2001) และอีกหลาย ๆ บทในวัย 60 อัป บท เลียม เฮนเนสซี่ นี่ก็เหมาะกะเขามาก เพราะเพียร์ซ เองก็เป็นชาวไอร์แลนด์ โดยกำเนิด บทของเขาขึ้นมาเป็นบทนำในครึ่งหลังเมื่อประเด็นหลักย้ายมาเล่าเรื่องราวของเลียม เมื่อโดนปัญหาล้อมทุกด้าน โดนควอนตามล่าแล้ว ยังต้องตามล้างตามเช็ดปัญหาทางฝั่งตน ซ้ำร้ายตัวเองก็โดนทางรัฐมนตรีอังกฤษไล่บี้ให้หาคนรับผิดชอบเหตุระเบิดโดยด่วน ดาราอื่นนี่แทบไม่มีคุ้นหน้าเลย มีไมเคิล แมคเอลฮัตตอน ที่เคยรับบท รูส บอลตัน จากซีรีส์ดัง Game Of Thrones
เนื้อหาช่วงหลังทำให้หนังเปลี่ยนโทนไปมาก เรื่องราวการตามล่ามือระเบิดในตัวอย่างหนังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องราว เพราะประเด็นหลักของเรื่องกลับเป็นปัญหาของกลุ่มกบฏไอร์แลนด์ในนาม UDI ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดเพื่อเรียกร้องให้อังกฤษอภัยโทษนักโทษชาวไอร์แลนด์ 40 คน ทุกนิ้วชีมาที่เลียม เพราะอดีตเขาเคยเป็นสมาชิกกลุ่ม UDI จึงน่าจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังเหตุร้ายครั้งนี้ หนังค่อนข้างลงลึกถึงประเด็นขัดแย้งระหว่างไอร์แลนด์ และ อังกฤษ มีศัพท์การเมืองยาก ๆ ชื่อหน่วยงานย่อย และตัวละครทางฝั่งไอร์แลนด์โผล่มามากมาย และเล่าอย่างรวดเร็ว ถ้ามีพื้นฐานเรื่องการเมืองไอร์แลนด์-อังกฤษก็จะตามหนังไปทันมากขึ้น โทนหนังมีความเป็นการเมืองค่อนข้างมาก ตัวละครเยอะ แล้วก็พัวพันวางแผนซ้อน หักหลังกันเอง ในขณะที่บทของควอนที่ถูกขับออกเป็นวงนอกของเรื่องราวในช่วงหลัง ก็ยังมีช่องให้แทรกเข้ามาโชว์แอ็คชั่นอยู่เป็นระยะไมให้ถูกลืมหาย ฉากต่อสู้ยังคงรุนแรงหนักหน่วง ไม่ให้หลุดโทนความป็นหนังแอ็คชั่น เพียงแต่ไม่มีฉากโลดโผนโจนทะยานเสี่ยงตายเหมือนเดิม ยังได้เห็นแจ๊คกี้ โดดสูง ๆ โรยตัวจากที่สูง ฉากนอนบนพื้นแล้วสปริงตัวมายืนได้ในวัย 63 นี่ อยากตบมือให้เลย
หนังใช้ทุนไป 35 ล้านเหรียญ จิ๊บ ๆ มากได้กำไรสบาย ๆ มีฉากระเบิดใหญ่ ๆ ให้ดู 2 รอบ รอบแรกที่เห็นในตัวอย่างหนัง รอบสองฉากระเบิดสะพานกลางลอนดอนที่ระเบิดกันจริง ๆ แต่ชาวบ้านก็เข้าใจผิดนึกว่าโดนผู้ก่อการร้ายระเบิดจริง ๆ โทรแจ้งตำรวจกันวุ่น สรุปได้ว่า The Foreigner เป็นหนังสนุก ได้ดูแจ๊คกี้ ที่ตั้งใจทุ่มเทกับการแสดง มีความเป็นดราม่าในตัวมากขึ้น ฉากแอ็คชั่นพะบู๊ก็ไม่น้อย สอดแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ทิ้งช่วงให้ชวนหาว ฉากแอ็คชั่นยังคงมาตรฐานเดียวกับฮอลลีวู้ดเวอร์นิด ๆ ต่อยเตะ 2 ทีก็สลบเหมือด ที่ผิดคาดคือเนื้อหาหลักที่เป็นเรื่องราวการเมืองไอร์แลนด์ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกินคาด แต่ก็ไม่ถึงกับงง มีประเด็นให้ชวนติดตามไปกับเนื้อเรื่อง บทไม่มีช่องโหว่จนถึงน่าเกลียด เป็นตัวเลือกที่น่าจะบันเทิงสุดในสัปดาห์นี้แล้วล่ะ ดูได้เลยครับ
ขอบคุณชื่อหนังที่ไม่มีคำว่า “ฟัด”แล้ว แต่เบื่อคำว่า “พยัคฆ์”