เมื่อดัตช์บอย ดาวเทียมป้องกันภัยพิบัติโลกเกิดปัญหาทำให้พี่น้องตระกูลลอสันที่ไม่ค่อยลงรอยกันอย่าง เจค (เจอราด บัตเลอร์) และ แม็กซ์ (จิม สเตอเจสส์)ต้องร่วมมือกันหาทางปิดระบบก่อนเกิดมหาภัยพิบัติทั่วโลก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมีผู้อยู่เบื้องหลัง งานนี้ทั้งสองพี่น้องและ ซาราห์ วิลสัน (แอบบี้ คอร์นิช)องครักษ์ประธานาธิบดี ต้องร่วมมือกันหาทางหยุดยั้งแผนวินาศกรรมและหาตัวคนชักใยมหันตภัยก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
เมื่อโปรดิวเซอร์ขอล้างโลกเองสักหน
ดีน เดฟลิน คือโปรดิวเซอร์หนังใหญ่ๆมากมายโดยเฉพาะ Independence Day ทั้ง 2 ภาคและหนังหลายเรื่องของผู้กำกับ โรแลนด์ เอ็มเมอริช เจ้าพ่อหนังล้างโลกคนดัง ทำให้โปรไฟล์ของเขามีแต่หนังสเกลใหญ่ๆและมักเกี่ยวพันกับภัยที่คุกคามโลก ดังนั้นพอได้โอกาสมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับครั้งแรกจึงเลือกทำหนังที่ตัวเองเอาอยู่อย่างหนังภัยพิบัติล้างโลก แต่จะทำซ้ำรอยเดิมก็ใช่ที่ จึงได้เติมทฤษฎีสมคบคิดให้กับผู้ร้ายของเรื่อง จนได้ Geostorm หนังลูกผสมระหว่างหนังแอ็คชั่น วินาศกรรม กับ หนังไซไฟภัยพิบัติโลก ซึ่งจากภาพรวมของหนังก็ต้องยอมรับว่า ดีน เดฟลิน สอบผ่านอย่างสวยงาม เพราะแทบไม่มีสักนาทีเลยที่ตัวละครจะคุยเรื่องข้อมูลวิทยาศาสตร์กันแบบน่าเบื่อ เพราะพอหนังให้ข้อมูลไม่ทันไร อีกไม่กี่นาทีต่อมาก็จะต้องมีฉากวินาศสันตะโร ตามมาตลอด เรียกง่ายๆว่านี่คือหนังบันเทิงบริโภคง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ แต่ก็ต้องแลกด้วยความสมเหตุสมผลของเรื่องราว
ดังนั้นการจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกคือคุณห้ามตั้งคำถามเด็ดขาด เช่นถ้าเจอทหารอเมริกันเดินไปส่วนที่เกิดหิมะในทะเลทรายทำไมถึงไปจับคนที่ถูกแช่แข็งให้มือหลุดออกมา หรืออยู่ดีๆทำไมเจคไม่ปิดมือถือในศาล หรือแม้กระทั่งตัวละครของแดเนียล วู ทำไมถึงต้องพยายามทำให้ไข่ตกกับพื้นที่ฮ่องกง และอีกนานาสถานการณ์ที่ไม่ควรสงสัย อ่ะ…เราเตือนคุณแล้วนะครับว่าอย่าหาเหตุผล เพราะถ้าเผลอหาเหตุผลกับฉากที่กล่าวมาข้างต้นหรือแม้กระทั่งถามหาเหตุผลมารองรับการกระทำของคนที่ชักใยให้เกิดมหันตภัยต่างๆ คุณอาจหน้าแก่ก่อนวัย หรือเสี่ยงต่อภาวะตึงเครียดโดยไม่จำเป็นเลยทีเดียว
ไม่ว่าบนดินหรือในอวกาศก็ไม่พ้นการเมือง
อันนี้ผมสังเกตเองว่า Geostorm อาจเป็นเหมือนหนังเสริมสันถวไมตรีระหว่าง สหรัฐอเมริกาและจีน ตั้งแต่คำบรรยายสถานที่อย่าง “ฮ่องกง ประเทศจีน” ที่เป็นครั้งแรกๆที่หนังฮอลลีวูดเลือกบอกชื่อสถานที่ของฮ่องกงให้เป็นส่วนหนึ่งของจีน และถ้ายังชัดเจนไม่มากพอ ตัวละครของแดเนียล วู อย่าง เช็ง ยังเป็นคนแรกที่พบความผิดปกติของทางการที่พยายามปกปิดสาเหตุของภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และยังเป็นคนที่พยายามเตือน แม็กซ์ ถึงโครงการลับที่อาจมีคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และที่สำคัญที่สุดคือบทบรรยายตอนต้นเรื่องว่า ดาวเทียมดัตช์บอย เป็นความร่วมมือระดับนานาชาติแต่นำโดยสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งจากข้อมูลเล็กๆเราอาจอนุมานได้ถึงความผูกพันธ์ทางธุรกิจระหว่างฮอลลีวูดกับจีนที่น่าจะแนบแน่นขึ้นอีกระดับ
ส่วนเหตุการณ์ในสถานีอวกาศก็น่าสนใจตรงที่หนังเลือกให้การตายของนักบินอวกาศชาวอัฟกานิสถานเป็นเหมือนชนวนที่ทำให้เห็นถึงความฉ้อฉลที่ทำให้ระบบดาวเทียมเลือกสร้างภัยพิบัติให้กับโลก เพราะหลังเจคเดินทางไปถึงสถานีอวกาศเราจะพบตัวละครบนนั้นอยู่เพียงไม่กี่ชาติทั้ง เยอรมัน แอฟริกาใต้ อังกฤษและแม็กซิโก โดยเฉพาะตัวละครจากแม็กซิโกที่พอรู้ว่ามีคนอเมริกันอย่างเจคขึ้นไปคุมพวกเขาก็ถึงกับเอ่ยประโยค “ฉันจะถูกไล่ออกมั้ยเนี่ย” เพื่อล้อเลี้ยนนโยบายสร้างกำแพงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่กระนั้นเหตุการณ์ในอวกาศหนังก็เลือกให้สหรัฐอเมริกาเป็นฮีโร่สร้างสันติภาพกับทุกชาติ โดยไม่ลืมที่จะล้อเลียนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับแม็กซิโกอีกทีเป็นการตบท้าย
หนังมหันตภัยความหวังใหม่ของนักแสดง(เคย)ดัง
ตามที่เห็นในตัวอย่างกัน บรรดานักแสดงที่เราคุ้นตาทั้ง เจอราด บัตเลอร์ พ่อขุนพลแห่ง 300 (2006), จิม สเตอร์เจสส์ หนุ่มหล่อชวนฝันในหนังโรแมนติกอย่าง Across the universe (2007) แอบบี้ คอร์นิช สาวออสซี่สุดเซ็กซี่จาก Somersault (2004) แม้กระทั่ง แอนดี้ การ์เซีย ที่น่าจะคุ้นตาจาก Ocean’s Eleven (2001) ซึ่งเมื่อได้เห็นพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันใน Geostorm ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้เห็นสัจธรรมบางอย่างเกี่ยวกับอายุขัยความดังของนักแสดงที่แจ้งเกิดหลังยุค 2000 เพราะพวกเขาแทบไม่มีใครทำให้เราจดจำได้เลยจากหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเต็มไปด้วยฉากวินาศสันตะโรจนแทบไม่มีพื้นที่ให้ใครแสดงความสามารถด้านการแสดงนัก แต่คนดูกลับจดจำความน่ารักของ ทาลิธา เบตแมน ( Talitha Eliana Bateman) ที่เพิ่งรับบทเด็กสาวผู้กล้าหาญใน Annabelle Creation ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ที่แสดงบทดราม่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึง ซาซี บีตซ์ (Zazie Beetz) ในบทเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ผู้ช่วยของแม็กซ์ ที่สามารถปล่อยมุกตลกได้อย่างถูกจังหวะและสามารถขโมยซีนนักแสดงดังๆได้ตลอดเวลา
สรุปแล้วสำหรับ Geostorm ถือเป็นหนังแอ็คชั่นวินาศกรรมปนเปกับหนังไซไฟภัยพิบัติที่ทำออกมาได้สนุกสนาน หากคนดูไม่คิดหาความสมเหตุสมผลของตัวละครและไม่ซีเรียสกับตรรกะของหนังที่เข้าขั้นวินาศเสียยิ่งกว่าพายุลูกใด