นาน ๆ ทีจะได้เห็นสาว แอนน์ แฮทธาเวย์ มาสวมบทบาทอิเพิ้งชีวิตพัง ๆ อย่างนี้ในผลงานของเธออย่าง Colossal แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าเธอเป็นนักแสดงที่โดดเด่นมากในบทโรแมนติกดรามา ไม่ว่าจะเป็น Rachel Getting Married, Love & Other Drugs, One Day หรือแม้แต่ The Intern ที่แม้จะออกไปทางโทน comedy แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอมีเสน่ห์ยามที่ตัวละครของเธอนั้นกำลังมีปฏิสัมพันธ์กับใครสักคน หรือจะบอกว่าเธอมีเคมีที่ประกบกับใครก็ได้ แต่ในบรรดาหนังเหล่านั้น Colossal อาจเป็นงานที่ฉีกออกไปจากแนวทางเดิม ๆ ของเธอมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งมาในฟอร์มของหนังไซไฟตลกร้าย จากผลงานของผู้กำกับ นาโช วิกาลอนโด (Timecrimes) ที่ตัวพลอตและวิธีการเล่าดูที่ค่อนข้างน่าสนใจเมื่อมองจากหน้าหนัง
Colossal มันพูดถึง สาวบ้าน ๆ คนหนึ่งที่ชื่อ กลอเรีย (แอนน์ แฮทธาเวย์) เธอชอบแฮงเอาท์ เมาหัวราน้ำเป็นลำยองจน ทิม แฟนหนุ่มของเธอต้องเข็ดขยาดถึงขนาดขอถอนหมั้นและแยกทาง ชีวิตที่พลิกผันระหกระเหินซมซานจนต้องกลับบ้านเก่ามาทำงานรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟร้านเหล้าของเพื่อนสมัยเด็กของเธออย่าง ออสการ์ (เจสัน ซูเดคิส) จากนั้นจู่ ๆ อีกฟากหนึ่งของโลกก็มีเหตุการณ์ประหลาดขึ้นเมื่อมีสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาปรากฏตัวเหนือท้องฟ้าในกรุงโซล โดยมันได้อาละวาดทำลายข้าวของและคร่าชีวิตประชาชนไปมากมาย แต่ที่ช็อคกว่านั้นคือ กลอเรีย พบความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างตัวเธอกับสัตว์ประหลาดที่อยู่อีกซีกโลกนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ
หนังเริ่มปูปัญหาของ กลอเรีย ที่ไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ทุกครั้งที่เธอเมา เธอก็จะคิดหรือทำอะไรหลุดโลก ซึ่งเธอไม่เคยรู้เลยว่าทุกการกระทำของเธอนั้น เจ้าสัตว์ประหลาดก็ทำตามเธออัตโนมัติและสร้างความหายนะกับชาวโลกเช่นกัน ขณะที่เมื่อ กลอเรีย ค้นพบความผิดปกตินี้ และเมื่อเธอจะหยุดยั้งมัน ก็ปรากฏว่าคนใกล้ตัวของเธออย่าง ออสการ์ นั้นกลับเป็นอุปสรรคสำคัญในเรื่องนี้
อันที่จริง Colossal ก็ดูเหมือนจะเป็นหนังทางดรามาที่จับเซนส์ต่างจากตลาดทั่ว ๆ ไป มันคือการจับพาร์ทดรามากับไซไฟจ๋ามายำรวมกัน เรียกว่ามันก็เป็นไอเดียการเล่าที่ไม่ขี้เหร่ ถึงจะเรียบเรียงปะติดปะต่อออกมาได้ไม่ค่อยมีชั้นเชิงอย่างที่ควรจะเป็นก็ตาม แต่เข้าใจว่าเจตนาจะนำเสนอเมจเซจในเรื่องของความหมายในการตั้งหลักชีวิต ควบคุมชีวิตของตัวเราเอง ที่ดูรวม ๆ เป็นการลงทุนเล่นใหญ่ที่อาจไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ อีกส่วนหนึ่งคือตัวหนังแทบสัมผัสไม่ได้ถึงความตลกร้ายเลยสักนิด ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือไอเดียของ ผู้กำกับนาโช แปลกหูแปลกตาดี แต่ดันมาตกม้าตายตรงความละเอียดในการเล่านี่แหละ เนื้อหามันเลยดูจืด ๆ ไม่ไปทางไหนสักทางเลย ชวนให้นึกถึง The Monster Calls ที่เริ่มต้นไอเดียการผูกความเป็นไซไฟกับดราม่าได้น่าสนใจ แต่สุดท้ายไปไม่รอดซะงั้น
สิ่งที่เป็นจุดแข็งของหนังเรื่องนี้อยู่ที่การคลี่คลายตัวละครหลัก ๆ ทั้ง กลอเรีย, ออสการ์ และ ทิม ที่มีพัฒนาการ มีความเปลี่ยนแปลง ตัวละครมีมิติ การสร้างปมที่มาที่ไปที่ทำให้เกิดความขัดแย้งนั้นถือว่าพอถูไถไปได้ เพียงแต่มันก็ยังแป้กอยู่ดีเมื่อบทสรุปเดินทางไปถึงจุดจบ สิ่งดี ๆ ที่พอจะจดจำได้และเรียกว่าสอบผ่านตลอดรอดฝั่งจริง ๆ ก็คงเป็นการแสดงของสาวแอนน์ที่ยังสัมผัสได้ถึงอินเนอร์ ให้เราเชื่อได้ว่าเธอสิ้นหวังหมดหนทาง มึนงงกับชีวิตไปจนถึงจุดที่เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ประกอบกับซาวน์ประกอบก็เป็นอีกจุดที่ทำให้หนังช่วงครึ่งหลังมีสีสันขึ้นมาอย่างชัดเจน
Colossal อาจรสชาติไม่ถูกปากสำหรับทุกคน แต่นี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ได้เรื่องความสดใหม่ ฉีก ๆ ไปจากแนวทางเดิม ๆ ใครอยากยลสาวแอนน์ในลุคเซอร์ ๆ โก๊ะ ๆ แต่สวยเก๋ ก็ถือได้ว่าดูเพลิน ๆ กันไปครับ
Colossal เข้าฉายแล้วเฉพาะ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เท่านั้น